รอยเตอร์ - สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ ทรงมีพระราชประสงค์สละราชสมบัติในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หลังทรงใช้เวลาส่วนใหญ่ระหว่างครองราชย์พยายามเยียวยาบาดแผลสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จากรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐเอ็นเอชเคและสื่อมวลชนท้องถิ่นอื่นๆ ในวันพุธ (13 ก.ค.)
สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเครายงานว่าสมเด็จพระจักรพรรดิพระชนมายุ 82 พรรษา ซึ่งเคยเข้ารับการผ่าตัดพระหทัย (หัวใจ) และเคยรับการรักษาต่อมลูกหมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทรงแสดงพระราชประสงค์สละราชสมบัติต่อสำนักพระราชวัง (Imperial Household Agency)
อย่างไรก็ตาม เอ็นเอชเคไม่ได้เอ่ยถึงเหตุผลของการสละราชสมบัติ ส่วนเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวังก็ไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวดังกล่าว
สำนักข่าวเกียวโดนิวส์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวรัฐบาลระบุว่า สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะทรงแสดงพระราชประสงค์สละราชสมบัติให้บุคคลใกล้ชิดทราบมานานนับปีแล้ว แม้ข่าวอีกชิ้นของเกียวโดนิวส์อ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักพระราชวัง ระบุว่ารายงานดังกล่าวนั้นไม่ถูกต้อง
สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะทรงปรับลดพระราชกรณียกิจมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว และมอบหน้าที่บางส่วนแก่เจ้าชายนะรุฮิโตะ มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น พระชนมายุ 56 พรรษา
ทั้งนี้ สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะทรงพระราชสมภพในปี 1933 และขึ้นครองราชย์ต่อจากสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ พระนามตามชื่อรัชสมัยที่ญี่ปุ่นสู้รบในสงครามโลกครั้งที่ 2
สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ ทรงมีพระราชดำรัสในวาระครบรอบ 70 สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อปีที่แล้ว ด้วยทรงแสดงความ “สำนึกผิดอย่างยิ่ง” ต่อสงครามที่กองทัพญี่ปุ่นได้กระทำลงไปในนามของจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ พระราชบิดาของพระองค์ ซึ่งต่างจากพระราชดำรัสก่อนหน้านี้ และถูกมองว่าเป็นความพยายามสร้างความเป็นปึกแผ่นแก่มรดกแห่งสันตินิยมที่กำลังถูกคุกคามจากพวกชาตินิยม
“ในการรำลึกถึงสงครามที่ผ่านมาด้วยความสำนึกผิดอย่างยิ่ง และหวังอย่างจริงใจว่าโศกนาฏกรรมเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ข้าพเจ้าพร้อมด้วยประชาชนชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้ที่บาดเจ็บล้มตายในสงคราม และขอภาวนาให้โลกจงประสบแต่สันติสุข และประเทศของเราจงมีความเจริญก้าวหน้าสืบไป” พระราชดำรัสของสมเด็จพระจักรพรรดิซึ่งพระราชทานที่กรุงโตเกียว
โคอิชิ นาคาโน นักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโซเฟียในโตเกียว ระบุว่า “ในขณะที่บิดาของสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิที่เต็มไปด้วยข้อถกเถียง แต่ในส่วนของสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ ทรงเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์แรกยุคหลังสงครามที่อ้าแขนรับรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพและทรงมีบทบาทในฐานะสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีของชาติ” เขากล่าว “พระองค์จัดการกับประเด็นสงครามและความปรองดอง (กับประเทศเอเชียอื่นๆ) ได้ดีเยี่ยม และเจ้าชายนะรุฮิโตะ ทรงแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าพระองค์จะเดินตามเส้นทางนั้น”
สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ ทรงเสาะหาความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างญี่ปุ่นกับโลกภายนอกผ่านการเสด็จเยือนต่างแดน และในปี 1992 ทรงเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์แรกของญี่ปุ่นในช่วงความทรงจำที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนซึ่งมีความทรงจำอันขมขื่นเกี่ยวกับการรุกรานของทหารญี่ปุ่นในอดีต
การสละราชสมบัติครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ของญี่ปุ่น นับตั้งแต่ที่สมเด็จพระจักรพรรดิ โคคาคุ ทรงสละราชสมบัติเมื่อปี 1817 ก่อนยุคปฏิวัติเมจิ
มิโกะ โคดามะ ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยมูซาชิ บอกว่าจำเป็นต้องมีการแก้กฎมณเฑียรบาลเพื่อเปิดทางให้สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะสละราชสมบัติ กระบวนการที่อาจต้องใช้เวลานานและเปิดอภิปรายในรัฐสภา
ภายใต้รัฐธรรมนูญหลังสงครามที่ร่างโดยสหรัฐฯ สมเด็จพระจักรพรรดิของญี่ปุ่นทรงเป็นสัญลักษณ์ของรัฐและความเป็นหนึ่งอันเดียวกันของประชาชน แต่ไม่มีอำนาจทางการเมือง
สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ มีพระราชโอรสและพระราชธิดารวม 3 พระองค์ ได้แก่ เจ้าชายนะรุฮิโตะ เจ้าอะกิชิโนะ และ อดีตเจ้าหญิง เจ้าโนะริ ที่สมรสกับสามัญชน และต้องสละฐานันดรศักดิ์