เอพี/เอเจนซีส์ - กองกำลังสหรัฐฯ ประจำแอฟริกา Africomได้ยืนยันในวันนี้ (13 ก.ค.) ว่าได้มีการจัดส่งทหารนาวิกโยธินเพิ่มอีก 40 นายไปอารักขาเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯ และปกป้องตัวสถานทูตในกรุงจูบา ซูดานใต้ ในขณะเดียวกัน เยอรมนีและอิตาลีออกแถลงการณ์ส่งกองทัพอากาศบินด่วนเช่นกัน เพื่ออพยพพลเมืองเยอรมัน และชาวยุโรปออกนอกซูดานใต้ หลังจากที่สู้รบยืดเยื้อมา 5 วันติดต่อกัน ล่าสุดทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายกบฏยอมประกาศหยุดยิงชั่วคราวที่เริ่มตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้
เอพีรายงานวันนี้ (13 ก.ค.) ว่า หลังจากที่ได้เริ่มการใช้สัญญาสงบศึกระหว่างกลุ่มประธานาธิบดีซัลวา คิอีร์ (Salva Kiir) ผู้นำซูดานใต้ และฝ่ายกบฎที่สนับสนุนรองประธานาธิบดีรีก มาชาร์ (Riek Machar)ที่ได้เริ่มใช้มาตั้งแต่คืนวันจันทร์ (11) ล่าสุด เจนนิเฟอร์ เดิรคซ์ (Jennifer Dyrcz) โฆษกของกองกำลังสหรัฐฯประจำแอฟริกา Africom ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ทางหน่วยได้ตอบรับตามคำขอของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯในการส่งกองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐฯ เพิ่มอีก 40 นายไปยังกรุงจูบา ซูดานใต้ เพื่ออารักขาเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯ และปกป้องที่ตั้งสถานทูตอเมริกา
โดยสถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงจูบาได้ออกแถลงการณ์ว่า ได้มีการจัดเตรียมเที่ยวบินฉุกเฉินเพื่ออพยพเจ้าหน้าที่สถานทูตและพลเมืองอเมริกันออกนอกประเทศ ซึ่งในขณะนี้เที่ยวบินโดยสารในซูดานใต้ยังคงอยู่ในระหว่างการยกเลิกเที่ยวบิน แต่มีรายงานว่าเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำได้ขนเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจำนวนหลายร้อยคน และพลเมืองต่างชาติบินออกนอกประเทศ
เอบีซีนิวส์ สื่ออสหรัฐฯ รายงานเพิ่มเติมว่า เอกอัคราชทูตสหรัฐฯ มอลลี ฟี (Molly Phee) ได้ให้สัมภาษณ์กับยูเอ็นมิสชัน USUN ในซูดานใต้โดยกล่าวว่า “ได้มีการนำกองกำลังหน่วยเล็กๆของทหารสหรัฐฯ เข้ามา” และยังให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “เพื่อให้ทหารเหล่านี้ทำหน้าที่ปกป้องสถานทูตอเมริกา และให้การช่วยเหลือทางสถานทูตในการเร่งอพยพพลเมืองอเมริกันที่ต้องการเดินทางออกนอกประเทศ”
ซึ่งเอบีซีนิวส์ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นาวิกโยธินทั้ง 40 นายนี้ถูกส่งมาจากหน่วยตอบโต้ฉุกเฉินภายใต้ Africom ไปยังกรุงจูบาในวันอังคาร (12)
เอพีรายงานเพิ่มเติมว่า กระทรวงต่างประเทศอิตาลีออกแถลงการณ์ว่า เครื่องบินกองทัพอากาศอิตาลีได้แล่นลงจอดในกรุงจูบาวันนี้ (13) เพื่ออพยพพลเมืองอิตาลีจำนวน 30 คนให้ออกนอกประเทศ ในขณะเดียวกันกระทรวงต่างประเทศเยอรมันออกแถลงการณ์ว่า เครื่องบินกองทัพอากาศเยอรมนีกำลังอยู่ในระหว่างการอพยพพลเมืองเยอรมัน ชาวยุโรป และชาวต่างชาติอื่นๆ ออกนอกซูดานใต้เช่นเดียวกัน
ด้านเดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษรายงานว่า นักข่าวเดอะการ์เดียนในกรุงจูบารายงานในวันพุธ (13 ก.ค.) ว่า ดูเหมือนสัญญาหยุดยิงที่ได้เริ่มต้นใช้ตั้งแต่วันจันทร์ (11) ยังคงมีผล ซึ่งพบว่าในช่วง 5 วันของการปะทะระหว่างผู้สนับสนุนของคิอีร์และมาชาร์ ทำให้ยอดเสียชีวิตสูงกว่า 300 คนแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสหประชาชาติได้ออกรายงานแถลงล่าสุดว่า สงครามซูดานใต้ทำให้มีผู้พลัดถิ่นไม่ต่ำกว่า 36,000 คน โดยต้องหลบไปอาศัยในโบสถ์คริสต์ หรือศูนย์ผู้ลี้ภัยขององค์การสหประชาชาติที่ได้รับการคุ้มกันจากทหารรักษาสันติภาพของยูเอ็น และมีจำนวนมากพยายามหนีออกนอกประเทศทางรถไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อูกันดา
แมรี นยาบัค (Mary Nyabac) วัย 32 ปี คุณแม่ลูก 5 ซึ่งเป็นหนึ่งในประชาชนชาวซูดานใต้ที่ได้รับผลกระทบได้ให้ความเห็นกับนักข่าวเดอะการ์เดียนว่า ได้หนีออกมาจากบ้านที่ตั้งอยู่ในย่านมูนูกี (Munuki) ตั้งแต่วันอาทิตย์หลังจากมีการยิงตอบโต้กันอย่างหนัก และหวังว่าจะสามารถเดินทางข้ามพรมแดนเข้าสู่เขตประเทศอูกันดาได้สำเร็จ “อย่างที่คุณเห็น ดิฉันมาพร้อมกับลูก 5 คนในสภาพมือเปล่า เพราะไม่ได้นำสิ่งของอะไรติดมาด้วยทั้งนั้นเพราะเกรงว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการวิ่งหนีเอาตัวรอดหากถูกยิงเข้า”
ด้านทาบู จอยซ์ (Tabu Joice) วัย 25 ปี คุณแม่ลูก 2 ชาวซูดานใต้อีกคนให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ถึงแม้บ้านของเธอจะอยู่ในย่านไฮ มอนา (Hai Mauna) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการสู้รบ แต่เธอตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ “มีหลายคนที่ได้ทิ้งบ้านตัวเองไป แต่พวกเราเป็นกลุ่มเดียวที่ตัดสินใจจะอยู่ที่บ้านต่อไป ซึ่งมีบางส่วนได้ไปหลบในโบสถ์คริสต์ แต่คนเหล่านั้นต้องเปียกฝนเมื่อคืนนี้” จอยซ์กล่าว และเสริมต่อว่า “ดิฉันเกรงที่จะต้องไปหลบภัยในที่แบบนั้นเพราะตัวเองมีลูกที่ยังแบเบาะ ซึ่งเราอาจถูกยิงด้วยลูกเพลิง ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะรอความตายอย่างสงบภายในที่พักของตัวเอง แต่ทว่าพวกเราขอให้พระเจ้าช่วยทำให้สงครามสงบโดยเร็ว”