เอเอฟพี - ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ได้โทรศัพท์พูดคุยกันเมื่อวันพุธ (6 ก.ค.) และเห็นพ้องว่าวอชิงตันและมอสโกจำเป็นต้องยกระดับความร่วมมือทางทหารในซีเรีย
“ทั้งสองชาติต่างยืนยันเจตนารมณ์ที่จะยกระดับความร่วมมือทางทหารระหว่างกองทัพรัสเซียและสหรัฐฯ ในซีเรีย” ทำเนียบเครมลินระบุในคำแถลง
ปูติน เรียกร้องให้กองกำลังสหรัฐฯ ช่วยแยกพวกกบฏสายกลางออกจากกลุ่มก่อการร้าย เช่น อัล-นุสรา ฟรอนต์ ส่วนทางด้านทำเนียบขาวก็แถลงยืนยันว่าผู้นำทั้งสอง “มีความมุ่งมั่นที่จะกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) และ อัล-นุสรา ฟรอนต์ ให้ราบคาบ”
โอบามา “ย้ำความจำเป็นที่จะต้องผลักดันให้เกิดการถ่ายโอนอำนาจทางการเมืองเพื่อยุติสงคราม รวมถึงเปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสามารถเข้าถึงประชาชนได้อย่างยั่งยืน”
ทั้ง โอบามา และ ปูติน ยังสนับสนุนให้รื้อฟื้นการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลบาชาร์ อัล-อัสซาด และฝ่ายกบฏ ซึ่งองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) รับหน้าที่คนกลาง แม้การพูดคุยที่ผ่านมาแล้ว 2 รอบที่นครเจนีวาในปีนี้ยังไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นก็ตาม
มอสโกเคยเชิญชวนให้วอชิงตันร่วมกันส่งเครื่องบินถล่มเป้าหมายนักรบญิฮัดในซีเรียเมื่อเดือน พ.ค. แต่ก็ถูกรัฐบาลสหรัฐฯ ปฏิเสธทันควัน
ระหว่างไปเยือนจอร์เจีย ก่อนเข้าร่วมการประชุมนาโตซัมมิตที่โปแลนด์ จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้กล่าวชื่นชมกองทัพซีเรียที่ประกาศหยุดยิงเป็นเวลา 72 ชั่วโมงเพื่อต้อนรับวันตรุษอีดิ้ลฟิตรี เทศกาลเฉลิมฉลองหลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอน พร้อมแสดงความคาดหวังว่าหลังจากนี้จะมีข้อตกลงยุติความรุนแรงในระยะยาวตามมา
โอบามา ได้แสดงความเป็นห่วงที่รัฐบาลซีเรียยังคงฝ่าฝืนข้อตกลงหยุดยิง พร้อมเรียกร้องให้รัสเซียช่วยกดดันอัสซาดในเรื่องนี้
ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัฐบาลซีเรียกับกบฏที่ไม่ใช่นักรบญิฮัด ถูกประกาศใช้เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีสหรัฐฯ และรัสเซียร่วมกันผลักดัน ถือเป็นการหยุดพักความรุนแรงอย่างจริงจังครั้งแรกในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองซีเรียปะทุขึ้นในเดือน มี.ค. ปี 2011
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวได้พังครืนลงในที่สุด หลังคู่ขัดแย้งมีการละเมิดสัญญาซ้ำแล้วซ้ำเล่า