เอเอฟพี - รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ จอห์น เคร์รี ระบุในวันอังคาร (28 มิ.ย.) การโหวตออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษอาจจะไม่มีผลบังคับใช้และว่าลอนดอนไม่ได้รีบร้อนที่จะแยกตัวออกไป
เคร์รีกล่าวหนึ่งวันหลังจากที่พบปะกับนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ว่า ผู้นำอังกฤษรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงที่จะเจรจาเรื่องการแยกตัวนี้ที่เขาไม่ได้ต้องการ
“นี่เป็นแยกตัวที่ซับซ้อนมาก” เคร์รีบอกในงาน Aspen Ideas Festival โดยอ้างถึงการเจรจาออกจากอียูของอังกฤษภายหลังการลงประชามติ “Brexit” เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เคร์รีซึ่งไปเยือนดาวนิงสตรีทเมื่อวันจันทร์ (27) กล่าวว่า คาเมรอนไม่เต็มใจที่จะใช้ “มาตรา 50” ของสนธิสัญญาลิสบอนซึ่งจะกำหนดกรอบเวลา 2 ปีสำหรับการแยกตัวออก
เคร์รีอธิบายว่า ลอนดอนไม่ต้องการพบว่าตัวเองถูกโอบล้อมหลังจาก 2 ปีโดยปราศจากข้อตกลงการสมาคมฉบับใหม่และไม่ต้องการถูกบีบให้ออกจากอียูโดยข้อตกลง
เขายังเสริมด้วยว่า คาเมรอน “รู้สึกไร้เรี่ยวแรงที่จะเริ่มการเจรจาในสิ่งที่เขาไม่มีความเชื่อมั่นและเขาไม่รู้ว่าจะทำมันได้อย่างไร”
“ไม่เหมือนกับคนส่วนใหญ่ที่โหวตแยกตัวออก” เคร์รีกล่าว โดยอ้างถึงผู้สนับสนุนการแยกตัวออกเช่นนายกเทศมนตรีลอนดอน บอริส จอห์นสัน ซึ่งตอนนี้เป็นตัวเต็งนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนต่อไป
เมื่อถูกถามโดยผู้ดำเนินรายการว่านี่หมายว่าการตัดสินใจออกจากอียูของอังกฤษอาจเป็นหมันอย่างนั้นหรือ เคร์รีตอบว่า “ผมคิดว่าเส้นทางมีมากกว่าหนึ่ง”
“ในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศผมไม่อยากตัดโอกาสความเป็นไปได้ ผมคิดว่านั่นจะเป็นความผิดพลาด แต่เส้นทางมีมากว่าหนึ่ง” เขากล่าว
วอชิงตันสนับสนุนให้อังกฤษมีบทบาทที่เข้มแข็งในอียูมาโดยตลอดและต้องผิดหวังเมื่อชาวเมืองผู้ดีเลือกที่จะออกจากสหภาพแห่งนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ในตอนนี้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กำลังเรียกร้องให้มีการอภิปรายเรื่องการออกจากอียูของอังกฤษอย่างใจเย็นเพื่อให้เกิดข้อตกลงที่จะทำให้การสมาคมลับระหว่างลอนและบรัสเซลส์ยังคงมีต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผู้นำชาติอียูบางคนยืนกรานว่า คาเมรอนต้องใช้มาตรา 50 โดยเร็วและเริ่มการเจรจาแยกตัวออกเพื่อยุติสภาพความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจ