เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรีผู้ที่จะนำอังกฤษออกจากอียูเหลือเพียง 2 ตัวเลือกซึ่งเป็นผู้หญิงทั้งคู่ ได้แก่ เทเรซา เมย์ รัฐมนตรีรุ่นลายคราม และ อันเดรีย ลีดซอม จากผลโหวตของสมาชิกพรรคคอนเซอร์เวทีฟในวันพฤหัสบดี (7 ก.ค.) ขณะที่ไอเอ็มเอฟกระตุ้นให้เร่งกระบวนการถอนตัวเพื่อจำกัดความเสียหายจากความไม่แน่นอน
เทเรซา เมย์ รัฐมนตรีมหาดไทย ได้รับคะแนนโหวต 199 เสียงจาก ส.ส.พรรคคอนเซอร์เวทีฟ พรรครัฐบาล ทั้งหมด 329 เสียง ส่วน อันเดรีย ลีดซอม รัฐมนตรีช่วยว่าการ ซึ่งเพิ่งได้รับเลือกเข้าสู่รัฐสภาในปี 2010 ได้รับคะแนนโหวต 84 เสียง โดยหนึ่งใน 2 คนนี้จะกลายเป็นนายกรัฐมตรีหญิงคนที่ 2 ของอังกฤษต่อจากนางมาร์กาเรต แธตเชอร์
ส่วนผู้ท้าชิงคนที่ 3 รัฐมนตรีช่วย ไมเคิล โกฟ ซึ่งสร้างความประหลาดใจด้วยการประกาศเสนอตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากเบื้องต้นสนับสนุนนายบอริส จอห์นสัน นายกเทศมนตรีลอนดอนให้ลงชิงเก้าอี้ตัวนี้ ถูกตัดทิ้งไปแล้ว หลังจากได้คะแนนโหวตเพียง 46 เสียง ตามหลังถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกทรยศ
ลำดับต่อไปสมาชิก 150,000 คนจะเป็นผู้เลือกระหว่างเมย์หรือลีดซอม ในการลงคะแนนทางไปรษณีย์ ซึ่งมีกำหนดประกาศผลในวันที่ 9 กันยายนนี้ และผู้ชนะจะก้าวเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ต้องจัดเลือกตั้งทั่วไป
นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะมีภาระนำพาอังกฤษถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปมานานกว่า 43 ปี ตามหลังผลประชามติท่ามกลางการรณรงค์หาเสียงที่เต็มไปด้วยความแตกแยกเมื่อเดือนที่แล้ว
เมย์เป็นฝ่ายสนับสนุนให้อังกฤษอยู่ในอียูต่อ แต่ตอนนี้ให้สัญญาว่าจะเคารพผลประชามติ และทำให้อังกฤษกลายเป็นประเทศแรกที่ถอนตัวจากกลุ่มก้อน 28 ชาติ ส่วนลีดซอมอยู่ฝ่าย “แยกตัว” มาตั้งแต่ต้น
นางคริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) สะท้อนเสียงเตือนของเหล่าผู้นำของอียูต่อความล่าช้าของกระบวนการถอนตัวของอังกฤษ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีในวอชิงตันว่า “ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องเบร็กซิตนี้คือความไม่แน่นอน และความไม่แน่นอนที่ยาวนานก็รังแต่จะทำให้ความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น” เธอกล่าว “ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่ายคือพวกเขาสามารถหาทางออกของกรอบเวลาและเงื่อนไขต่างๆ ของการแยกตัวอย่างเร็วที่สุด”
ผลประชามติที่สร้างความตกตะลึงเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ทำให้นายเดวิด คาเมรอน ลาออกจากตำแหน่ง สั่นสะเทือนตลาดหุ้นโลกและฉุดค่าเงินปอนด์ดำดิ่ง ทั้งนี้ แม้ดัชนี FTSE 100 ของลอนดอนได้ฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว แต่ธนาคารกลางอังกฤษเตือนว่าความเสี่ยงต่างๆ ต่อเสถียรภาพทางการเงินกำลังปรากฏตัวขึ้น
เมย์ ซึ่งนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีมหาดไทยมาตั้งแต่ปี 2010 เป็นบุคคลที่รู้จักกันดีในระดับชาติ ส่วนลีดซอมไม่เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีใดๆ แต่ก็ได้รับแรงสนับสนุนแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดใจ หลังแสดงผลงานได้น่าชื่นชมในศึกดีเบตประชามติ
ระหว่างการปราศรัยในห้องห้องหนึ่งซึ่งอัดแน่นไปด้วยผู้สนับสนุนในกรุงลอนดอน ลีดซอมบอกว่าสิ่งที่เธอให้ความสำคัญต่อความสำเร็จต่อเนื่องของเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร “ความรุ่งเรืองควรเป็นเป้าหมายของเรา ไม่ใช่การรัดเข็มขัด” สตรีวัย 53 ปีกล่าว
เธอยังปฏิเสธความคาดหมายที่ว่าการออกจากอียูจะก่อหายนะทางเศรษฐกิจ และระบุว่าการดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 31 ปีของเงินปอนด์เมื่อเทียบกับดอลลาร์เป็นเรื่องดีสำหรับการส่งออก “ดิฉันเชื่อว่าเรามีอนาคตที่ยิ่งใหญ่รออยู่ข้างหน้า เราจำเป็นต้องสามัคคีกัน และจำเป็นต้องมองในแง่บวก”
ในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์หลายรอบ ลีดซอมปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่าเธอโอ้อวดเกินจริงเกี่ยวกับประสบการณ์ในภาคการเงินก่อนก้าวมาเป็น ส.ส.ในปี 2010 ขณะที่นายไมเคิล โฮเวิร์ด อดีตหัวหน้าพรรค ยอมรับว่า ลีดซอมอาจขาดประสบการณ์ไปบ้าง แต่ยกตัวอย่างให้เห็นว่าแม้แต่นายคาเมรอนเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ในรัฐบาล ก่อนขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี