เอเจนซีส์ - เอฟบีไอเชื่อมือปืนสังหารหมู่บาร์เกย์ออร์แลนโด ถูกบ่มเพาะลัทธิหัวรุนแรงจากโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มอิสลามสุดโต่ง นอกจากนั้น มือปืนรายนี้ยังประกาศสวามิภักดิ์กลุ่มก่อการร้ายหลายกลุ่ม ไม่เฉพาะไอเอส ขณะเดียวกัน นักเที่ยวเผยว่า ตัวมือปืนเองเป็นขาประจำบาร์เกย์ที่เกิดเหตุและยังใช้แอปเกย์พูดคุยกับคนรู้จัก ด้านทรัมป์ประกาศหากชนะเลือกตั้ง จะห้ามพลเมืองจากประเทศที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายต่อสหรัฐฯ และพันธมิตรเข้าอเมริกา ขณะที่คลินตันโต้ว่า การโยนความผิดให้ชาวมุสลิมอเมริกันจะผลักดันให้คนเข้าร่วมลัทธิก่อการร้ายมากขึ้น
กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ออกมาอวดอ้างว่า โอมาร์ มาทีน ผู้ก่อเหตุกราดยิงเมื่อวันอาทิตย์ (12) ที่ถือเป็นการก่อการร้ายครั้งรุนแรงที่สุดในอเมริกานับจากวินาศกรรม 9/11 นั้น เป็นนักรบของกลุ่ม ทว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนของสหรัฐฯ กำลังพิสูจน์ว่า มือปืนรายนี้เป็นนักรบญิฮาดที่ได้รับมอบหมายภารกิจ หรือ “หมาป่าโดดเดี่ยว” ที่ได้แรงบันดาลใจจากโฆษณาชวนเชื่อจากกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงเพื่อ “ก่อการร้ายและกระทำการจากความเกลียดชัง” ตามที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา วิจารณ์
เหตุกราดยิงในพัลส์ ซึ่งเป็นไนต์คลับของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 49 คน และบาดเจ็บ 53 คน โดยมือปืนถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรม และถือเป็นเหตุกราดยิงที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน
เจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) แถลงเมื่อวันจันทร์ (13) ว่า ไม่พบสิ่งบ่งชี้ว่า มาทีนเป็นสมาชิกเครือข่ายก่อการร้ายใด ๆ และขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบความเป็นไปได้ของลัทธิต่อต้านเกย์
อย่างไรก็ดี โคมีย์ สำทับว่า เอฟบีไอเชื่อมั่นอย่างมาก ว่า มาทีนถูกบ่มเพาะลัทธิหัวรุนแรงจากโฆษณาชวนเชื่อทางออนไลน์ของกลุ่มอิสลามสุดโต่ง นอกจากนั้น ระหว่างโทร.แจ้ง 911 ก่อนก่อเหตุเมื่อวันอาทิตย์ มาทีนยังประกาศสวามิภักดิ์ไม่เฉพาะอาบู บัคร์ อัล-แบกดาดี ผู้นำไอเอสเท่านั้น แต่รวมถึงมือระเบิดบอสตันมาราธอน และชายหนุ่มจากฟลอริดาที่ภายหลังกลายเป็นมือระเบิดฆ่าตัวตายของกลุ่มนุสรา ฟรอนต์ ซึ่งอยู่ในเครือข่ายอัล-กออิดะห์ ในซีเรีย
นอกจากนั้น นักเที่ยว 4 คน ยังเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ออร์แลนโด เซนทิเนล ว่า เคยเห็นมาทีนที่พัลส์เป็นสิบหน โดยบางครั้งเขาจะนั่งดื่มคนเดียวเงียบ ๆ แต่บางครั้งก็เมาและแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวเสียงดัง
นักเที่ยวอีกคนให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ลอสแองเจลิสไทม์ ว่า มาทีนเคยส่งข้อความไปหาเป็นครั้งคราวนานประมาณหนึ่งปี โดยใช้แอปพลิเคชันสนทนาของชาวเกย์ สอดคล้องกับนักเที่ยวอีก 2 คนที่บอกกับสื่อท้องถิ่นและเอ็มเอสเอ็นบีซี ว่า มาทีนใช้แอปเกย์หลายแอปเพื่อติดต่อกับคนรู้จัก
.
.
เหตุสังหารหมู่ครั้งนี้ สร้างความตื่นตะลึงและความเจ็บแค้นไปทั่วโลก รวมทั้งยังทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับกลยุทธ์ต่อต้านการก่อการร้าย และกฎหมายควบคุมอาวุธปืนของอเมริกา เนื่องจากผู้ต้องสงสัยสามารถซื้อปืนไรเฟิลและปืนสั้นได้ ทั้งที่เคยถูกเอฟบีไอเรียกไปสอบปากคำถึงสองครั้งในปี 2013 และ 2014
โอบามา ชี้ว่า กฎหมายเปิดช่องให้ผู้ที่มีปัญหา หรือสร้างปัญหา หรือต้องการก่อความรุนแรง สามารถเข้าถึงอาวุธร้ายแรงอย่างรวดเร็ว ประมุขทำเนียบขาวยังถือโอกาสนี้ เรียกร้องให้รัฐสภาซึ่งควบคุมโดยพรรครีพับลิกันผ่านกฎหมายควบคุมอาวุธปืน
ทั้งนี้ ทำเนียบขาว แถลงว่า โอบามาจะเดินทางไปให้กำลังใจครอบครัวเหยื่อที่ออร์แลนโดในวันพฤหัสฯ (16)
ด้าน เอฟบีไอ ยอมรับว่า เคยสอบปากคำมาทีน หลังจากมือปืนรายนี้บอกกับเพื่อนร่วมงาน ว่า ติดต่อกับอัล-กออิดะห์ และ ฮิซบอลเลาะห์ กลุ่มหัวรุนแรงนิกายชีอะห์ซึ่งเป็นศัตรูกับ อัล-กออิดะห์ แต่ไม่พบความเชื่อมโยงกับกลุ่มหัวรุนแรง หรือแนวโน้มก่อความรุนแรงแต่อย่างใด
ขณะที่ข้อมูลจากญาติและคนรู้จักให้ภาพมาทีน ซึ่งเป็นบุตรของชาวอัฟกานิสถาน เป็นชายหนุ่มที่มีปัญหาทางอารมณ์และจิตใจ ชอบใช้ความรุนแรง เคยทุบตีอดีตภรรยา และแสดงความคิดเห็นที่บ่งชี้อาการเกลียดกลัวเกย์
ขณะเดียวกัน เหตุการณ์นี้กระตุ้นให้ทั่วโลกออกมาให้กำลังใจกลุ่มเกย์และเลสเบียน เช่น ที่ย่านโซโหของลอนดอน ที่มีคนนับพันเดินขบวนพร้อมชูธงสีรุ้ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชาวรักร่วมเพศ นอกจากนี้เมื่อวันอาทิตย์ยังมีขบวนพาเหรดชาวเกย์ในลอสแองเจลิส ซึ่งวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ โดยมีผู้เข้าร่วมในพาเหรดกว่า 100,000 คน
กระนั้น นอกจากความโศกเศร้าและโกรธแค้นแล้ว อเมริกายังอยู่ในบรรยากาศของการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งแน่นอนว่า ผู้สมัครตัวเก็งของทั้งสองพรรคใหญ่ต้องฉวยโอกาสนี้ออกมาทำคะแนน
โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ผู้ได้รับการเสนอชื่อจากพรรครีพับลิกัน โจมตี ฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต โดยไม่รอช้าว่า ต้องการปล่อยให้กลุ่มก่อการร้ายอิสลามเข้าสู่อเมริกาผ่านนโยบายเปิดรับผู้ลี้ภัย อดีตพิธีกรรายการเรียลิตีโชว์ผู้นี้ยังประกาศว่า ถ้าชนะเลือกตั้ง จะไม่ยอมให้พลเมืองของประเทศที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายต่อเมริกาและพันธมิตรเดินทางเข้าสหรัฐฯ
ด้าน คลินตัน โต้กลับว่า เป้าหมายสำคัญอันดับแรกที่จะทำ คือ การระบุตัว “หมาป่าเดียวดาย” และแจ้งเตือนพันธมิตรของอเมริกาในตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงซาอุดีอาระเบีย เพื่อให้กวาดล้างพลเมืองที่สนับสนุนลัทธิสุดโต่ง
คลินตันยังโจมตีทรัมป์ที่วิจารณ์ว่า ชาวมุสลิมในอเมริกาอาจให้ความช่วยเหลือกลุ่มหัวรุนแรงในการอำพรางตัว โดยระบุว่า ความเห็นดังกล่าวอันตรายและยิ่งผลักดันให้คนเข้าร่วมกลุ่มก่อการร้ายมากขึ้น.
.
.