เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - Tanya Erzinclioglu เจ้าหน้าที่ดูแลเสือวัดหลวงตาบัวเปิดใจผ่านสื่อกาตาร์ ชี้ เป็นห่วงชะตากรรมเสือทั้งหมดร่วมหลายร้อยชีวิตที่ต้องตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือรัฐบาล อ้างเงินส่วนหนึ่งที่ได้มา ถูกใช้ปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่สัตว์ป่า พร้อมยืนยันเดินหน้าไม่ทิ้ง หวั่นเสือทั้งหมดต้องอยู่ในกรงขังตลอดชีวิต หลังรัฐบาลไทยได้เสร็จสิ้นการขนย้ายเสือล็อตสุดท้ายจากวัดหลวงตาบัว จ.กาญจนบุรี แล้ว ด้าน อดิศร นุชดำรงค์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้สัมภาษณ์ อาจสร้างบ้านใหม่ให้เสือทั้ง 137 ตัว ที่ถูกช่วยออกมาได้ และชี้ว่า ทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชของไทย ได้รับการติดต่อจากหน่วยงานอนุรักษ์สัตว์ป่าสากล Four Paws เสนอตัวช่วยเหลือเรื่องการจัดหาที่อยู่ ด้าน UNEP และ UNODC ขององค์การสหประชาชาติ ออกแถลงการณ์ตำหนิไทยและปัญหาการลักลอบค้าสัตว์ป่า
อัลญะซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์รายงานเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ว่า หลังจากทางรัฐบาลไทยภายใต้การดำเนินการของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้บุกเข้าไปยึดเสือจำนวนหลายร้อยตัวที่อยู่ภายในวัดเสือหลวงตาบัว จ.กาญจนบุรี ก่อนหน้านี้ ทำให้เปิดโฉมหน้าการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติผิดกฎหมายไปทั่วโลก
โดยในการรายงานสถานการณ์ล่าสุดของสื่อกาตาร์ ได้เปิดใจ Tanya Erzinclioglu เจ้าหน้าที่ดูแลเสือประจำวัดเสือหลวงตาบัว ซึ่งอัลญะซีเราะฮ์ รายงานว่า ดูเหมือนเธอจะสับสน และไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นภายในวัดแห่งนี้ โดยTanya กล่าวย้ำไปมากับตัวเองว่า “ดิฉันไม่ทราบจริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ซึ่งในอดีตงานประจำของเธอ เริ่มต้นในช่วงเช้าที่ต้องดูแลให้อาหารเสือ บางตัวที่เธอดูแล ซึ่งมีอยู่ถึง 137 ตัวในวัดแห่งนี้ แต่ทว่าหลังจากที่มีการยืดเยื้อมานานระหว่างวัดหลวงตาบัว และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ของไทย DNP และภายในช่วงเวลาแค่ 6 วัน หลังจากการบุกเข้าไปในวันแรก สื่อไทยรายงานว่า ทางรัฐบาลไทยผ่านการดำเนินงานของ DNP เสร็จสิ้นการย้ายเสือล็อตสุดท้ายในวันที่ 4 มิ.ย.
อัลญะซีเราะฮ์รายงานว่า เงินจากค่าบัตรผ่านประตูราคาระดับดอลลาร์ตั้งแต่ 600 บาท ($17) ไปจนถึง 5,000 บาท ($140) ต่อคน ได้นำรายได้มหาศาลหลายร้อยล้านดอลลาร์จากเหล่านักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าสู่วัดแห่งนี้
ด้าน อดิศร นุชดำรงค์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้สัมภาษณ์กับสื่อกาตาร์ “เรารู้ว่า ทางวัดเสือหลวงตาบัวแห่งนี้ใช้เสือเพื่อเป็นช่องทางรายได้มหาศาล” แต่ทว่าพนักงานเลี้ยงเสือของวัดหลวงป่า เช่น Tanya ได้ยืนยันอย่างหนักแน่น ว่า มีเงินบางส่วนจากรายได้ทั้งหมดถูกใช้ไปในการดูแลเสือและสัตว์ป่า พร้อมกับย้ำความภูมิใจในการที่วัดเสือหลวงตาบัวแห่งนี้ เป็นเสมือนแหล่งหลบภัยให้กับเสืออย่างแท้จริง เสือสามารถได้อาศัยในพื้นที่เปิดโล่ง โดยไม่ต้องถูกกักขังเหมือนสวนสัตว์โดยทั่วไป ซึ่งสถานที่แห่งนี้ได้ก่อสร้างเสร็จสิ้นลงในปี 2011 ด้วยค่าใช้จ่ายการก่อสร้างร่วม 90 ล้านบ้าน หรือกว่า 2.5 ล้านดอลลาร์ในขณะนั้น
และหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และตำรวจสามารถตรวจหาของกลาง พบซากแช่แข็งของลูกเสือถึง 40 ตัว ถูกแช่ร่วมกับโครงไก่อาหารของเสือ และยังรวมไปถึงลูกเสือที่ถูกเก็บไว้ในโหลดองอีก 20 ตัว ทำให้หน่วยงานโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ UNEP และ หน่วยงานงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ UNODC ภายใต้องค์การสหประชาชาติ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมประณามไทยถึงการค้าสัตว์ป่าเถื่อนที่เกิดขึ้น อัลญะซีเราะฮ์ ชี้
โดยในแถลงการณ์ร่วมที่ถูกประกาศบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ UNEP หลังจากที่ทาง UNEP ได้มีรายงานแถลงการณ์เดี่ยว ประณามก่อนหน้านี้ในช่วงพบซากแช่แข็งลูกเสือ 40 ตัวในครั้งแรก ซึ่งในแถลงการณ์ร่วมของ UNEP และ UNODC กล่าวว่า “ข่าวการพบซากลูกเสือถึง 70 ตัว และรวมไปถึงการพบหนังกวาง และอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของสัตว์ป่า เกิดขึ้นภายในอารามพุทธศาสนาของไทย ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจไปทั่วโลก”
และในแถลงการณ์ร่วมยังระบุต่อว่า “ถึงแม้การเสียชีวิตของสัตว์ป่าเหล่านี้ ยังไม่แน่ชัด แต่ทว่าการปรากฏพบซากลูกเสือเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงหลักฐานธุรกิจค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายอย่างชัดเจน ซึ่งส่งผลทำให้สัตว์ป่าต้องเสี่ยงสูญพันธุ์”
แต่ทว่าข่าวการพบซากลูกเสือเหล่านั้น กลับไม่ทำให้ Tanya รู้สึกตกใจ แต่กลับทำให้เรื่องราวต่าง ๆ ภายใต้รั้ววัดเสือหลวงตาบัวแห่งนี้ กลับชัดมากยิ่งขึ้น เมื่อเธอได้ให้สัมภาษณ์ถึงซากลูกเสือที่ทางเจ้าหน้าที่ไทยค้นพบว่า “นี่เป็นนโยบายของนายแพทย์ สมชาย วิสาสมงคลชัย (Somchai [Visasmongkolchai) อดีตสัตวแพทย์ประจำวัดเสือหลวงตาบัว ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่มาตั้งแต่ปี 2010” และ Tanya ยังกล่าวต่อว่า “แต่ทางเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้เคยเข้ามาตรวจตู้แช่แข็งของทางเราก่อนหน้านี้แล้ว เหตุใดจึงเพิ่งทำท่าประหลาดใจในตอนนี้” โดยพนักงานดูแลเสือผู้นี้ได้ชี้ว่า หนึ่งเดือนก่อนหน้าที่จะมีการบุกเข้ามายึดเสือจากวัด บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสวนเสือวัดหลวงตาบัว ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า เพื่อเป็นการป้องกันการครหาถึงการเกี่ยวพันการค้าสัตว์ป่า ทำให้ทางวัดตัดสินใจเก็บซากเสือเหล่านั้นไว้
แต่ทว่า อัลญะซีเราะฮ์ ชี้ว่า การค้นพบของทางเจ้าหน้าที่ไทย ที่ทำให้ทาง Tanya และเพื่อนร่วมงานต้องลังเล และสงสัยในวัดหลวงตาบัวแห่งนี้ เมื่อทางเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปภายในกุฏิสงฆ์ สถานที่ศักดิสิทธิ์ และต้องห้ามสำหรับเจ้าหน้าที่ทั่วไป และพบสิ่งของเป็นจำนวนมาก โดยจากการรายงานของสื่อไทย พบว่า นายอดิศร นุชดำรงค์ รองอธิบดีกรมอุทยานฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ขอเข้าตรวจค้นรถกระบะของทางวัดที่กำลังจะวิ่งออกไปจากวัดในวันที่ 2 มิ.ย. และถึงกับต้องอึ้งเมื่อพบหนังเสือ ตะกรุด เขี้ยวเสือ และอื่น ๆ เป็นจำนวนมากซุกอยู่ในย่ามพระเป็นจำนวนมากบนกระบะรถคันต้องสงสัย และในการขึ้นไปค้นกุฏิของพระสุทธิสารเถร หรือ หลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาสวัดฯและประธานมูลนิธิวัดเสือหลวงตาจันทร์ พบหัวกระทิง รวมทั้งเขี้ยวเสือ ตะกรุด และจี้ ซึ่งในการตรวจค้นวัดยังพบรวมไปถึงไม้มีค่าอีกด้วย
“ดิฉันไม่ได้เห็นหนังเสือขนาดใหญ่กับตาในตอนแรก แต่หลังจากนั้นได้รู้เรื่อง และได้เห็นของจริงห้อยอยู่ มีความรู้สึกขยะแขยงอย่างบอกไม่ถูก” Tanya กล่าว แต่อย่างไรเธอชี้ต่อว่า “เหตุการณ์ที่ร้าย ๆ เกิดขึ้นในอดีต แต่ทว่าทางวัดแห่งนี้ได้พิสูจน์ให้พวกเราให้เห็นในปี 2015 ว่า ได้มีการปรับตัว และทำให้พวกเราตัดสินใจยังอยู่ที่นี่ต่อไป” ซึ่งเจ้าหน้าที่ดูแลเสือคนนี้ได้ยอมรับกับอัลญะซีเราะฮ์ ว่า ในขณะนี้มีความรู้สึกปะปนไปหมด รวมไปถึงความคิดที่จะออกจากการทำหน้าที่ในวัดแห่งนี้ไป
ซึ่งในขณะที่สวนเสือของวัดหลวงตาบัว ยังต้องปิดตัวต่อไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ทว่าด้าน อดิศร นุชดำรงค์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้สัมภาษณ์กับสื่อกาตาร์ ยืนยันว่า ในขณะนี้มีแนวคิด อาจสร้างบ้านแห่งใหม่ให้เสือทั้ง 137 ตัว ที่ถูกช่วยออกมาก็เป็นได้ “ทางเราอยู่ในระหว่างการหารือถึงความเป็นไปได้ในการสร้างที่พักแห่งใหม่ให้กับเสือ ซึ่งจะได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมไปกับสัตว์ป่าอื่น ๆ ตามธรรมชาติ” และทางอดิศรยังให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “ในขณะนี้มีความวิตกว่า เสือที่ถูกช่วยออกมาได้ อาจได้รับการกระทบกระเทือนทำให้เกิดอาการเซื่องซึม และยอมรับว่า สภาวะแวดล้อมที่ทาง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้จัดหาให้กับเสือเหล่านั้นไม่ดีอย่างที่หวัง แต่เขารับปากว่าจะดูแลเสือทั้ง 137 ตัวให้ดีที่สุด
โดยมีความเป็นไปได้ว่าทางหน่วยงานกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จะจับมือร่วมกับหน่วยงานอนุรักษ์ธรรมชาติระดับโลกในการจัดหาที่อยู่ใหม่ให้กับเสือวัดหลวงตาบัว ซึ่งอดิศรได้เปิดเผยในเรื่องนี้ ว่า ทางหน่วยงานได้รับการติดต่อจากหน่วยงานอนุรักษ์สัตว์ป่าสากล Four Paws เสนอตัวช่วยเหลือเรื่องการจัดหาที่อยู่ให้กับเสือเหล่านี้
แต่อย่างไรสำหรับ Tanya และเพื่อนร่วมงานที่ดูแลเสือเหล่านี้ไม่ต่ำกว่า 6 - 7 ปี และได้สร้างความสัมพันธ์ข้ามสายพันธุ์ระหว่างคนและเสือ ยังไม่ไว้วางใจ โดยเธอและเพื่อนร่วมงานวิตกถึงชีวิตของเสือทั้งหมดที่ต้องตกอยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงานภาครัฐ และอาจต้องอาศัยอยู่ในกรงขังที่เล็กและจำกัดตลอดชีวิต ซึ่ง Tanya ได้ยืนยันในเรื่องนี้กับอัลญะซีเราะฮ์ ว่า พวกเราต้องติดตามเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด เพราะไม่เช่นนั้นทุกคนจะลืมเหตุการณ์นิ้ไปที่สุด