นายกรัฐมนตรีเผยรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ส่งให้กฤษฎีกาพิจารณาอีกรอบ ก่อนเข้าสู่ขั้นตอน สนช. แย้มมีเพิ่มเติมอย่างบางกลุ่มต้องการ บ่นข้อสอบโอเน็ตผิดข้อเดียว แค่เรื่องกระพี้ ขออย่านำเรื่องเขมรขึ้นทะเบียนโขนขยายความขัดแย้ง ซัดอดีตรัฐบาลไม่สนใจ เรื่องเสือ-เต่าเสียภาพลักษณ์ประเทศ ลั่นต้องกำจัดแก๊งค้าสัตว์ป่าให้หมด ยันพบ “อองซานซูจี” ไม่ยุ่งกิจการภายในพม่า ปัดเจรจาปัญหาชนกลุ่มน้อย
วันนี้ (7 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ปิโตรเลียม ว่า ครม.ได้มีการพิจารณารับหลักการ และแต่กระทรวงและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการตั้งข้อสังเกตไป เพราะในร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวมีความเห็นต่าง ครม. จึงส่งกลับกับไปยังสำนักงานกฤษฎีกาพิจารณา ก่อนส่งเข้าที่ประชุม ครม.อีกครั้ง เพื่อที่จะส่งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณาต่อไปใน 3 วาระ
“อย่าไปวิตกกังวลกับกฎหมายฉบับนี้มากนัก เนื่องจากกฎหมายมันเป็นแบบนี้ และเดี๋ยวก็ต้องมีการปรับแก้ที่ สนช. แต่ถ้ามามัวคิดและถามกันตรงนี้ ว่ามันไปไม่ได้ แล้วมันจะไปกันได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม วันเดียวกันนี้ได้มีการสรุปว่ากฎหมายในช่วงเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ทำไปได้ 120 ฉบับ แต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามา 2 ปี ทำไป 172 ฉบับ และขอให้ไปดูว่ากฎหมายที่ออกมานั้นมีความสำคัญอย่างไร เป็นการช่วยเหลือคนจน ให้ความเป็นธรรม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่า ได้มีการสรุปหรือไม่ว่ารูปแบบจะเป็นลักษณะของการให้สัมปทาน หรือแบ่งผลประโยชน์ หรือจ้างสำรวจผลิต นายกฯ กล่าวว่า มีทั้งหมดเพิ่มเติมอย่างที่บางกลุ่มต้องการ ก็อยู่ระหว่างพิจารณา และในฐานะที่เป็นสื่อมวลชนก็ต้องไปถามภาคประชาชน จากนั้นก็มาดูและวิเคราะห์ว่าทั้งหมดนั้นประเทศไทยมีความพร้อมแล้วหรือยัง ถ้าอยากให้ทำก็เสนอต่อ สนช.ต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่ชัดเจนในการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) ประจำปี 2559 กระทรวงศึกษาธิการจะชี้แจงอย่างไรว่า ขณะนี้ทางกระทรวงศึกษาธิการได้มีการตรวจสอบแล้ว สิ่งสำคัญไม่อยากให้ไปมองเพียงกระพี้ตรงนี้ เพราะผิดข้อเดียว ไม่ได้ผิด 5 ข้อ เนื่องจากเขายืนยันมาแล้ว แต่หลักการคือที่ผ่านมาไม่เคยมีการเฉลยข้อสอบ เมื่อเด็กสอบไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าทำถูกหรือผิด เขาจึงไม่มีความรู้ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการเฉลยข้อสอบ แล้วเฉลยผิด 1 ข้อ จากความคลาดเคลื่อนนิดหน่อย ก็ต้องเห็นใจเขาด้วย เพราะข้อสอบที่ออกจำนวนมาก อะไรที่บกพร่องเขาก็คงแก้ไข เพราะไม่ได้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ก็ต้องให้เขาปรับปรุงแก้ไข กระทรวงศึกษาธิการต้องไปหาวิธีพิจารณา อาจจะมีการตำหนิ ภาคทัณฑ์ตามกระบวนการของระบบราชการอยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ ภายหลังชาวกัมพูชาหลายรายได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวต่อต้านไทยขึ้นทะเบียนโขนเป็นมรดกโลกด้านศิลปวัฒนธรรม โดยอ้างว่าโขนเป็นของกัมพูชาไม่ใช่ของไทย และได้ยื่นต่อทางยูเนสโกขอขึ้นทะเบียนโขนไปก่อนหน้าไทย ว่าอย่าไปขยายความขัดแย้งอีก และสิ่งสำคัญต้องเข้าใจว่าที่ผ่านมาเราไม่ได้สมัครสมาชิกภาคีอนุสัญญาว่า การสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโกไว้ เมื่อไม่ไปสมัครก็ไม่สามารถไปจดทะเบียนได้ ขณะที่อีกประเทศหนึ่งได้จดทะเบียนไปแล้ว
วันนี้รัฐบาลสมัครเข้าไป และเมื่อเรียบร้อยมีการตอบรับมาแล้วเราก็จะจดทะเบียน ซึ่งการจดทะเบียนนี้ไม่ได้หมายความว่าเป็นของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการจดทะเบียนของทุกประเทศที่มี ซึ่งของเราจดทะเบียนช้าไปกว่าเขา ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ไม่ได้ไปสมัครสมาชิกกับเขาไว้จึงเป็นปัญหาของเรา และสิ่งที่ตามในอนาคตคือเรื่องของลิขสิทธิ์ เรื่องสินค้าจีไอ ที่ต้องให้ความสำคัญมาก เพราะการผลิตสินค้าต้องมีที่มา หรือแม้กระทั่งกิจกรรมการแสดงที่เป็นของไทยต้องจดเอาไว้ เช่น เรื่องการแต่งตัวของก็ไม่เหมือนแล้ว ของเราก็มีความวิจิตรเรื่องการแต่งกาย ส่วนเรื่องบทร้อง รำ มีความงดงาม เป็นเอกลักษณ์ของเรา ไม่ใช่ไปเปรียบเทียบใครเก่งกว่าใคร หรือเป็นของใคร ทั้งหมดก็เป็นของภูมิภาคนี้ทั้งนั้นซึ่งเป็นพื้นฐานเดียวกัน
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าประเด็นปัญหาดังกล่าวจะเป็นปัญหาหยดเดียว นายกฯ กล่าวว่า “อยู่ที่คุณจะขยายให้เป็นน้ำผึ้งหยดใหญ่หรือไม่ ผมบอกว่าเป็นของใครของมัน ไปถามรัฐบาลที่แล้วว่าทำไมไม่ไปสมัครกับเขา ไปถามเขาโน้น”
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณีเคยระบุว่าจะพูดคุยกับนางอองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของพม่า ที่มีกำหนดเดินทางเยือนประเทศไทยในวันที่ 23-25 มิ.ย.นี้ ว่า “ไม่ใช่ เพียงแต่เขาขอมาเราก็ต้องช่วยเขา ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะแส่เข้าไป เพราะกิจการภายในของประเทศเขาจะดำเนินการเอง ไม่ใช่เรื่อง นี่เราน่ะติดนิสัยที่เอาคนภายนอกมาโน่นมานี่นั่น มาตรวจสอบมาจัดระเบียบบ้านเรา มันเรื่องอะไร เพราะทุกประเทศเขาก็มีกฎระเบียบของเขา คุณต้องการเหรอให้คนเขามาแก้ปัญหาประชามติ ความขัดแย้ง ความปรองดองในบ้านเราเหรอ ไม่อายเขาบ้างหรือไง”
เมื่อถามว่าจะมีแนวทางในการเจรจาอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ตนก็ให้การสนับสนุน เพราะเขาก็แก้ปัญหาเรื่องชนกลุ่มน้อย ซึ่งเป็นเรื่องภายในของเขา เพราะฉะนั้นในฝั่งเราก็ไม่สนับสนุนให้คนเหล่านี้มาเคลื่อนไหว แต่จะให้ตนไปเจรจามันเรื่องอะไรเล่า ตนเจรจากับเขาไม่ได้เพราะไม่ใช่ชาติเดียวกับตน
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงนโยบายคุ้มครองสัตว์ป่าที่ประเทศไทยถูกมองเป็นศูนย์กลางการค้าสัตว์ป่าคุ้มครองที่ล่าสุดมีทั้งกรณีเสือวัดหลวงตามหาบัว จ.กาญจนบุรี และเต่ายูนิฟอราและเรดิเอตาที่ใกล้สูญพันธุ์หายไปจากสถานเพาะเลี้ยงนกน้ำบางพระ จ.ชลบุรี ว่ารัฐบาลก็กำจัดคนเหล่านี้ด้วยกฎหมายให้หมด
ที่ผ่านมาทำไหมถ้าไม่ทำก็จบ รัฐบาลนี้ทำให้แสดงว่ามันมีอย่างนี้มาตั้งนานแล้วไม่ทำกัน และเป็นสถานที่ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำไป อย่าให้เอ่ยว่ามันเป็นที่ไหน มันก็เสียความเชื่อมั่นไปอีก เพราะฉะนั้นสิ่งเราทำวันนี้เราเจอปัญหา เราก็แก้ปัญหาไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีก เราก็ไม่ควรให้มันคึกโครมมากมายนักเพราะมันประเทศไทยเรา เข้าใจคำว่าประเทศของเราไหม ไม่ใช่ของผม ของเราๆ นี่แหละ นั่งอยู่นี่ก็ของเราด้วย
อย่างไรก็ตาม บางทีมันก็มีผลกระทบหลายอย่างด้วยกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องปิดบังเขา ตนไม่เคยปิดบัง ผิดก็ผิดมัน มันเกิดขึ้นก็แก้ไขก็เท่านั้น รัฐบาลก็ต้องออกกฎหมายมาตรการควบคุมลงโทษเจ้าหน้าที่เยอะแยะไปหมด นี่แหละสิ่งที่มันเกิดขึ้นในประเทศไทยอย่าบอกว่ามันเรียบร้อย ส่วนสัตว์ป่าที่ยังไม่ได้ถูกบรรจุเข้าอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกลสู้ญพันธุ์ (ไซเตส) ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำลังพิจารณาอยู่ว่าควรไม่ควรอย่างไร ถ้าต่างประเทศทำกันเราก็ต้องทำ