เอเจนซีส์ – แม้ไอเอสกำลังถูกกดดันอย่างหนักในฐานที่มั่นสองแห่งคือเมืองฟัลลูจาห์ในอิรัก และเมืองรอกเกาะห์ในซีเรีย ที่กลุ่มก่อการร้ายนี้ใช้เป็นเมืองหลวงของตัวเอง ทว่าการโจมตีระลอกล่าสุดทางเหนือของซีเรีย และการขู่โจมตีชาติตะวันตกในช่วงเทศกาลรอมฎอน เป็นสัญญาณเตือนว่า ความพยายามในการถอนรากถอนโคนไอเอสมีแนวโน้มต้องใช้เวลาอีกหลายปี
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (27) อเมริกาประกาศว่า ได้สังหารผู้บัญชาการกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในฟัลลูจาห์ พร้อมนักรบอีกราว 70 คนระหว่างการโจมตีทางอากาศ ส่วนผู้บัญชาการกองกำลังฝ่ายรัฐบาลอิรักอ้างว่า ภารกิจนี้จะลุล่วงภายใน “ไม่กี่วัน" ไม่ใช่หลายสัปดาห์ ท่ามกลางรายงานว่า พลเรือนจำนวนมากกำลังอดตายจากการถูกกักตัวไว้โดยไอเอส เพื่อใช้ประชาชนนับหมื่นที่ยังติดอยู่ในเมืองเป็นโล่มนุษย์
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านที่หนีออกมาได้เชื่อว่า การต่อสู้จะทำให้ผู้ที่ยังติดอยู่ในเมืองเป็นอันตรายมากขึ้น
เจเอ็ม เบอร์เกอร์ ผู้ร่วมเขียนหนังสือ “ไอซิส: สเตท ออฟ เทอร์เรอร์” และเป็นผู้เข้าร่วมโครงการศึกษาด้านลัทธิหัวรุนแรงของมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน เชื่อว่า จะเกิดการนองเลือดในฟัลลูจาห์ และมีแนวโน้มว่าหากไอเอสพ่ายแพ้ พวกเขาจะทิ้งความเสียหายย่อยยับไว้ให้เมืองนี้
ทั้งนี้ เชื่อกันว่า ไอเอสมีนักรบที่พร้อมสู้ตายถึง 1,000 คนในฟัลลูจาห์ เมืองที่มีความสำคัญอย่างมากในเชิงสัญลักษณ์ เนื่องจากเป็นเมืองใหญ่ที่ไอเอสตีแตกแห่งแรก
ไอเมนน์ จาวัด อัล-ทามิมิ นักวิชาการจากมิดเดิล อีสต์ ฟอรั่ม ยังชี้ว่า ฟัลลูจาห์เป็นสัญลักษณ์การต้านทานอำนาจภายนอก และขานรับว่า มีแนวโน้มที่เมืองนี้จะเสียหายอย่างหนัก เพราะไอเอสจะพยายามยื้อไว้
ที่ซีเรีย ไอเอสกำลังสูญเสียพื้นที่ให้กลุ่มนักรบเคิร์ดและกบฏที่ได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังพิเศษของอเมริกาทางเหนือของรอกเกาะห์ ทำให้เมืองหลวงของไอเอสแห่งนี้ตกอยู่ในความเสี่ยง บรรดานักวางแผนทางทหารต่างหวังว่า การที่ผู้บัญชาการไอเอสกำลังเพลี่ยงพล้ำสูญเสียพื้นที่ยึดครองที่ใช้เป็นแหล่งสนับสนุนทางการเงินมากขึ้นอาจทำให้นักรบในฟัลลูจาห์หวั่นไหว
ทว่าไอเอสกลับโจมตีระลอกใหม่ในซีเรียใกล้เมืองอเลปโป โดยพุ่งเป้าพื้นที่กลุ่มกบฏที่เคยทำให้ตัวเองต้องล่าถอยออกไปเมื่อปีที่แล้ว แต่ขณะนี้กำลังอ่อนแรงลงจากการโจมตีของทัพซีเรียที่มีรัสเซียสนับสนุน รวมถึงมุ่งหน้าไปยังเมืองที่เป็นแหล่งเสบียงสำคัญของกลุ่มกบฏ ส่งผลให้ชาวบ้านหนีกระเจิงไปทางชายแดนติดกับตุรกี
นอกจากนั้น อาบู โมฮัมเหม็ด อัล-อัดนานี โฆษกไอเอส ยังเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนที่อยู่ในชาติตะวันตกก่อการโจมตีในช่วงรอมฎอน และแม้ยอมรับว่า พื้นที่รัฐอิสลามหดแคบลงและอาจสูญเสียดินแดนเพิ่ม ซึ่งรวมถึงรอกเกาะห์และโมซุลในอิรัก แต่ก็ให้คำมั่นว่าไอเอสจะยังคงอยู่แม้ไม่เหลือดินแดนเลยก็ตาม
การขู่โจมตีชาติตะวันตกและการรุกคืบใกล้อเลปโปบ่งชี้ว่า ไอเอสยังเป็นกองกำลังที่น่ากลัว โดยเฉพาะในซีเรียที่มหาอำนาจในภูมิภาครวมทั้งตะวันตกดูเหมือนไม่มียุทธิวิธีจัดการกับกลุ่มก่อการร้ายนี้หรืออุดมการณ์ของกลุ่มนี้ได้
อัล-ทามิมิ ระบุแม้ไอเอสอยู่ภายใต้ความกดดันทั้งด้านการเงินและการทหาร แต่ยังไม่มีทีท่าว่าการสู้รบจะจบลง ดังที่เห็นได้ในอเลปโป
กลุ่มที่ต่อสู้กับไอเอสอย่างดุเดือดที่สุดในซีเรียขณะนี้คือกองกำลังเคิร์ด ทว่าความขัดแย้งด้านชาติพันธุ์ในภูมิภาค ทำให้เสี่ยงเกินกว่าจะปล่อยให้กองกำลังเคิร์ดเข้าชิงเมืองรอกเกาะห์คืน เนื่องจากชาวอาหรับในท้องถิ่นประกาศว่า อาจจำใจช่วยไอเอสเพื่อสกัดไม่ให้ทัพเคิร์ดเข้าเมือง ขณะที่กลุ่มกบฏเชื้อสายอาหรับในพื้นที่ดังกล่าวก็ขาดแคลนการฝึกฝน ผู้นำและอุปกรณ์ในการขับไล่ไอเอสออกจากเมือง
อัล-ทามิมิ สำทับว่า สถานการณ์ทางเหนือของอเลปโปบ่งชี้ถึง แนวคิดในการสนับสนุนกลุ่มกบฏเพื่อถอนรากถอนโคนไอเอสน่าจะผิดพลาด ส่วนในกรณีรอกเกาะห์นั้น หากไม่ใช้กองกำลังเคิร์ดก็มองไม่เห็นว่า จะใช้กลุ่มใดเข้าไปตีเมืองแทนได้
ที่อิรัก อนาคตในระยะยาวของไอเอสดูจะสั่นคลอนมากกว่า หลังจากพันธมิตรต่างชาติขนเงิน อาวุธ และการฝึกฝนไปช่วยกองทัพแบกแดด แถมรัฐบาลร่วมกับกลุ่มติดอาวุธมุสลิมชีอะต์เพื่อบรรเทาความกังวลของผู้นับถือศาสนาอิสลามนิกายต่างๆ ที่ว่าไอเอสกำลังฉวยโอกาสระดมการสนับสนุนจากชาวบ้าน
เบอร์เกอร์ชี้ว่า หากแบกแดดยึดฟัลลูจาห์คืนสำเร็จ จะเป็นการผลักดันไอเอสไปยังโมซุลที่กลุ่มก่อการร้ายนี้สถาปนาเป็นเมืองหลวงของตัวเองในอิรัก โดยมีโอกาสไม่มากที่ไอเอสจะสามารถตอบโต้และยึดครองพื้นที่ในอิรักเพิ่มได้เหมือนในซีเรีย
ทว่าโมซุลจะยังไม่คืนกลับสู่การครอบครองของรัฐบาลอิรักอีกนาน เนื่องจากเมืองนี้มีความสำคัญกับไอเอสมากกว่ารามาดีหรือฟัลลูจาห์ทั้งในแง่ยุทธศาสตร์และการเงิน
อัล-ทามิมิ ระบุว่า เรื่องยึดคืนโมซุลเป็นเพียงการหยั่งเชิงของกองกำลังอิรักที่ได้รับการฝึกฝนจากกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยอเมริกา แต่อิรักและพันธมิตรยังต้องทำการบ้านอย่างหนักกว่าจะเริ่มปฏิบัติการได้จริง