นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย เขียนข้อความในเว็บไซต์เฟสบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า น.ส.วีรดา เมืองสุข บุตรสาว ส่งรูปงานรับปริญญาบัตร นายดิศญุตม์ เมืองสุข บุตรชาย ที่มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา มาให้ตนร่วมแสดงความยินดี เพราะตนถูกคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในหลักฐานการละเมิดสิทธิมนุษยชนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ประชาคมโลกประณามประเทศไทย ในการประชุมคณะทำงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชน (ยูพีอาร์) ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
อย่างไรก็ตาม นายวัฒนา ระบุอีกว่า เรื่องสิทธิในการเดินทางเป็นไปตามข้อ 13 ข้อของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่บัญญัติให้ทุกคนมีเสรีภาพในการเดินทางภายในประเทศ รวมถึงการเดินทางออกและเข้ามาในประเทศของตน ซึ่งประเทศไทยได้รับรองเอาปฏิญญานี้มาปฏิบัติร่วมกับอีก 48 ประเทศ ตั้งแต่ปี 2491 จึงเป็นพันธกรณีระหว่างประเทศ ที่ประเทศไทย มีอยู่แล้วซึ่งตามมาตรา4ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 บัญญัติให้ความคุ้มครอง แต่คสช.และรัฐบาลไทยไม่เคารพหรือปฏิบัติตาม จนมีหลายคนพูดว่ารัฐธรรมนูญที่คนอื่นร่างขึ้น คสช.ไปฉีกทิ้ง ขณะที่รัฐธรรมนูญที่ตัวเองร่างขึ้นมา ก็ไม่ยอมปฏิบัติตาม จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยถูกที่ประชุมยูพีอาร์ประณามอย่างรุนแรง แม้คสช.และรัฐบาลอาจจะไม่รู้สึกที่ถูกด่าแบบนี้ แต่ตนและคนไทยอายแทน
อย่างไรก็ตาม นายวัฒนา ระบุอีกว่า เรื่องสิทธิในการเดินทางเป็นไปตามข้อ 13 ข้อของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่บัญญัติให้ทุกคนมีเสรีภาพในการเดินทางภายในประเทศ รวมถึงการเดินทางออกและเข้ามาในประเทศของตน ซึ่งประเทศไทยได้รับรองเอาปฏิญญานี้มาปฏิบัติร่วมกับอีก 48 ประเทศ ตั้งแต่ปี 2491 จึงเป็นพันธกรณีระหว่างประเทศ ที่ประเทศไทย มีอยู่แล้วซึ่งตามมาตรา4ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 บัญญัติให้ความคุ้มครอง แต่คสช.และรัฐบาลไทยไม่เคารพหรือปฏิบัติตาม จนมีหลายคนพูดว่ารัฐธรรมนูญที่คนอื่นร่างขึ้น คสช.ไปฉีกทิ้ง ขณะที่รัฐธรรมนูญที่ตัวเองร่างขึ้นมา ก็ไม่ยอมปฏิบัติตาม จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยถูกที่ประชุมยูพีอาร์ประณามอย่างรุนแรง แม้คสช.และรัฐบาลอาจจะไม่รู้สึกที่ถูกด่าแบบนี้ แต่ตนและคนไทยอายแทน
