เอเอฟพี - เสียงปืนและระเบิดในสงครามกลางเมืองที่คร่าชีวิตชาวซีเรียไปกว่า 270,000 คน ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กลับสงบเงียบลงในวันนี้ (27 ก.พ.) หลังข้อตกลงหยุดยิงครั้งประวัติศาสตร์ที่สหรัฐฯ และรัสเซีย ให้การสนับสนุนเริ่มมีผลบังคับ เมื่อเวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีในซีเรีย รายงานว่า เมื่อย่างเข้าสู่เวลาเที่ยงคืน เสียงปืนก็เริ่มเงียบหายไปในหลายพื้นที่รอบ ๆ กรุงดามัสกัส และที่เมืองอะเลปโป ทางตอนเหนือของประเทศ โดยตลอดทั้งวันก่อนหน้านั้นเครื่องบินขับไล่รัสเซียได้กระหน่ำบอมบ์ใส่ฐานที่มั่นของกบฏทั่วซีเรียเป็นการ “ทิ้งทวน”
ศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียซึ่งมีฐานที่กรุงลอนดอน ระบุว่า บรรยากาศในจังหวัดลาตาเกียทางตอนเหนือ รวมถึงจังหวัดฮอมส์และฮามาในภาคกลางของซีเรีย ก็กลับคืนสู่ความสงบเช่นกัน
“ผมอาจจะนอนดึกหน่อยคืนนี้ และหวังว่า เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้าคงไม่ต้องเพลียเพราะเสียงเครื่องบินทิ้งระเบิดอีก” โมฮัมเหม็ด โนฮาด ชาวบ้านในเขต อัล-กาลัสเซห์ ทางตอนใต้ของเมืองอะเลปโป ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของกบฏซีเรีย ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
ข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลบังคับใช้วันนี้ (27) ถือเป็นการหยุดพักความรุนแรงอย่างจริงจังครั้งแรกในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองซีเรียปะทุขึ้นในเดือน มี.ค. ปี 2011
สตัฟฟาน เดอ มิสตูรา ผู้แทนพิเศษยูเอ็นว่าด้วยปัญหาซีเรีย ยืนยันว่า การเจรจาสันติภาพจะเริ่มขึ้นใหม่ในวันที่ 7 มี.ค. หากคู่ขัดแย้งทุกฝ่ายเคารพข้อตกลงหยุดยิง และเปิดทางให้ยูเอ็นส่งความช่วยเหลือเข้าไปถึงมือประชาชนได้มากขึ้น
ความพยายามที่จะยุติการต่อสู้ในซีเรียล้มเหลวมาโดยตลอด ขณะที่สหรัฐฯ และรัสเซียซึ่งหนุนหลังคู่ขัดแย้งคนละขั้วก็ยอมรับว่า การจะทำให้ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับอย่างแท้จริงไม่ใช่เรื่องง่าย
“ผมยอมรับว่า ดีใจที่สงครามยุติลงได้ ถึงจะแค่ไม่กี่นาทีก็เถอะ... ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปได้เรื่อย ๆ บางทีพวกเราอาจจะได้กลับบ้าน” อับเดลราห์มาน อิสซา ทหารวัย 24 ปีจากกองทัพซีเรีย ให้สัมภาษณ์ที่เขตโจบาร์ ทางตะวันออกของกรุงดามัสกัส
นักวิเคราะห์หลายคนก็ตั้งคำถามเช่นกันว่า ข้อตกลงหยุดยิงจะใช้ได้จริงหรือไม่ในสมรภูมิซีเรียที่มีความซับซ้อน เนื่องจากยังอนุญาตให้มีการใช้อาวุธกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) และ อัล-นุสรา ฟรอนท์ ซึ่งเป็นเครือข่ายอัลกออิดะห์ต่อไปได้
ศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรีย เผยว่า หลังข้อตกลงหยุดยิงเริ่มมีผลบังคับยังคงมีการปะทะเกิดขึ้นระหว่างกองทัพซีเรียกับไอเอสและอัล-นุสรา รวมถึงระหว่างนักรบญิฮาดกับกองกำลังเคิร์ด
ก่อนเข้าสู่เวลาหยุดยิงไม่ถึงชั่วโมง คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้มีมติเป็นเอกฉันท์สนับสนุนร่างมติหยุดยิงที่สหรัฐฯ และรัสเซียร่วมกันเสนอขึ้น
ซาแมนธา เพาเวอร์ เอกอัครราชทูตผู้แทนสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น ยอมรับว่า ยังคงมี “ความลังเลสงสัย” ว่า ข้อตกลงหยุดยิงจะไปรอดหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็เป็น “โอกาสดีที่สุดที่จะลดความรุนแรงในซีเรีย” ขณะที่โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีตุรกีได้แสดงความกังวล “เนื่องจากรัสเซียยังคงส่งเครื่องบินออกทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการโจมตีภาคพื้นดินโดยกองทัพประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด”
รัสเซียเริ่มเข้าแทรกแซงสงครามในซีเรียตั้งแต่เดือน ก.ย. ปีที่แล้ว โดยอ้างว่าต้องการกวาดล้าง “กลุ่มก่อการร้าย” แต่นักวิจารณ์และชาติตะวันตก เชื่อว่า มอสโกจงใจถล่มพวกกบฏสายกลางที่เป็นศัตรูกับอัสซาดมากกว่า
ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ยืนกรานว่ามอสโกจะยังคงโจมตีทางอากาศใส่ “กลุ่มก่อการร้าย” ต่อไปเรื่อย ๆ
“เราเข้าใจและตระหนักดีว่ามันเป็นเรื่องซับซ้อน และอาจจะดูขัดแย้งกับกระบวนการปรองดอง แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น”
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้ฝากเตือนไปยังรัสเซียและซีเรียเมื่อวันพฤหัสบดี (25) ว่า “ทั่วโลกจะเฝ้าจับตา” ว่าทั้ง 2 ชาติจะเคารพข้อตกลงหยุดยิงหรือไม่ ขณะที่ มาร์ก โทเนอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า วอชิงตันได้รับคำยืนยันจากมอสโกว่าจะไม่มีการทิ้งบอมบ์ใส่ “กบฏสายกลาง” ในซีเรีย หลังจากข้อตกลงหยุดยิงเริ่มมีผลบังคับ
ด้านอิหร่านซึ่งให้การหนุนหลัง อัสซาด เช่นเดียวกับรัสเซีย ก็แสดงความมั่นใจว่าดามัสกัสจะปฏิบัติตามข้อตกลง