เอเอฟพี - สหรัฐฯ และรัสเซียประกาศแผนยุติการใช้ความรุนแรงในซีเรียวานนี้ (22 ก.พ.) โดยจะเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่วันเสาร์ที่ 27 ก.พ.เป็นต้นไป ทว่าข้อตกลงดังกล่าวไม่ครอบคลุมไปถึงกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) และอัล นุสรา-ฟรอนท์ ซึ่งเป็นเครือข่ายอัลกออิดะห์
องค์กรหลักของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียได้ออกมายอมรับ “แบบมีเงื่อนไข” ต่อข้อตกลงหยุดยิงซึ่งถูกประกาศเพียง 1 วัน หลังกลุ่มนักรบญิฮัดได้ก่อเหตุโจมตีครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปถึง 134 คนจากเหตุระเบิดหลายจุดรอบกรุงดามัสกัส
คำแถลงร่วมระหว่างวอชิงตันและมอสโก ระบุว่า ข้อตกลงหยุดยิงบางส่วนจะเริ่มมีผลตั้งแต่ 24.00 น.ตามเวลาในกรุงดามัสกัส (22.00 GMT วันศุกร์) โดยบังคับใช้กับคู่ขัดแย้งทุกฝ่ายที่ตกลงยอมรับ แต่ไม่ใช่กับกลุ่มไอเอส และอัล นุสรา-ฟรอนท์
สำหรับกลุ่มอื่นๆ ที่ต้องการมีส่วนร่วมในข้อตกลงหยุดยิงนี้ สามารถแสดงความจำนงไปยังรัฐบาลรัสเซียหรือสหรัฐฯ ได้จนถึงเวลา 12.00 น.ของวันศุกร์ (26) ตามเวลากรุงดามัสกัส
“หากข้อตกลงนี้ถูกนำไปปฏิบัติและยึดมั่นอย่างจริงจัง ไม่เพียงจะช่วยลดความรุนแรงลงเท่านั้น แต่ยังเปิดทางให้เจ้าหน้าที่สามารถส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปถึงมือประชาชนในพื้นที่ซึ่งถูกปิดล้อม และยังส่งเสริมกระบวนการผ่องถ่ายอำนาจไปยังรัฐบาลใหม่ที่ตอบสนองความปรารถนาของชาวซีเรีย” จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ
ทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้สนทนากันทางโทรศัพท์ จนกระทั่งบรรลุข้อตกลงดังกล่าว
“นี่คือโอกาสสำคัญ และเราหวังว่าทุกฝ่ายจะใช้ช่วงเวลานี้ให้เป็นประโยชน์สูงสุด” จอช เออร์เนสต์ เลขานุการฝ่ายสื่อมวลชนของทำเนียบขาวกล่าว
บัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวชื่นชมข้อตกลงหยุดยิงนี้ว่าเป็น “สัญญาณแห่งความหวังที่รอคอยมานาน” พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามคำพูดที่ให้ไว้
ปูตินยืนยันว่า รัสเซีย “จะทำทุกอย่างที่จำเป็น” เพื่อให้ดามัสกัสเคารพข้อตกลงหยุดยิงครั้งนี้
“เราคาดหวังว่าสหรัฐฯ ก็คงจะทำแบบเดียวกันกับพันธมิตรและกลุ่มที่พวกเขาสนับสนุนอยู่” ปูติน แถลงผ่านสื่อโทรทัศน์
ล่าสุด ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แต่องค์กรหลักของฝ่ายกบฏซีเรีย ยืนยันว่า พวกเขา “พร้อมที่จะให้การตอบสนองที่ดีต่อความพยายามผลักดันข้อตกลงหยุดยิงของนานาชาติ”
อัสซาดได้ออกคำสั่งจัดการเลือกตั้งรัฐสภาขึ้นในวันที่ 13 เม.ย. หลังจากที่สหรัฐฯ และรัสเซียประกาศข้อตกลงหยุดยิงได้ไม่นาน
คณะกรรมการเจรจาขั้นสูง (High Negotiations Committee) ของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย แถลงย้ำว่า การยอมรับข้อตกลงหยุดยิงของพวกตนนั้น “มีเงื่อนไข” กล่าวคือ จะต้องยุติการปิดล้อมเมือง ปล่อยตัวนักโทษการเมือง หยุดทิ้งระเบิดใส่ย่านชุมชน และจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
เมื่อวานนี้ (22) สำนักข่าวซานาของซีเรียรายงานว่า ขบวนรถบรรทุก 44 คันซึ่งขนสิ่งของบรรเทาทุกข์ภายใต้การดูแลของสภาเสี้ยววงเดือนแดงและองค์การสหประชาชาติ ได้เดินทางเข้าไปถึงเมือง โมอาดามิเย็ต อัล-ชาม ใกล้ๆ กรุงดามัสกัส
สเตฟาน ดูจาร์ริก โฆษกยูเอ็น ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านั้นว่า ทันทีที่การใช้ความรุนแรงในซีเรียยุติลง ยูเอ็นจะเข้าไปกำกับดูแล “เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมถูกส่งเข้าไปถึงมือชาวซีเรียในพื้นที่ต่างๆ อย่างครอบคลุมที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
17 ชาติที่สนับสนุนกระบวนการสันติภาพในซีเรียได้จัดประชุมร่วมกันที่เมืองมิวนิกเมื่อวันที่ 12 ก.พ. และบรรลุข้อตกลงให้มีการหยุดยิงภายใน 1 สัปดาห์ แต่การหยุดยิงที่ว่านั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง
เลขาธิการสหประชาชาติชี้ว่า ข้อตกลงหยุดยิงที่วอชิงตันและมอสโกประกาศวานนี้ (22) “จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการฟื้นฟูกระบวนการเจรจาทางการเมืองในซีเรีย” ที่มีกำหนดเริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์นี้
ข้อตกลงระงับความรุนแรงมีขึ้น หลังจากสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมานานร่วม 5 ปีคร่าชีวิตประชาชนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 260,000 คน และทำให้พลเมืองซีเรียครึ่งประเทศต้องกลายเป็นคนพลัดถิ่น รวมถึงชาวซีเรียอีกกว่า 4 ล้านคนที่อพยพลี้ภัยไปต่างประเทศ
คู่ขัดแย้งที่ประกาศร่วมหยุดยิงจะได้รับการปกป้องจากฝูงบินขับไล่ของรัสเซียและพันธมิตรสหรัฐฯ เป็นสิ่งตอบแทน