xs
xsm
sm
md
lg

ก่อการร้าย IS ท้าทายสหรัฐฯ โจมตีดามัสกัสในวันอาทิตย์ ดับร่วม 150 ในวันเดียวกับที่ “จอห์น เคร์รี” ประกาศบรรลุสงบศึกกับรัสเซีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี - เมื่อวานนี้ (21 ก.พ) เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายถึง 3 ครั้งในซีเรีย ทำให้มีคนเสียชีวิตไปถึง 150 ราย ในวันเดียวกับที่ จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศบรรลุข้อตกลงหยุดยิงซีเรียชั่วคราวกับรัสเซีย โดยมีรายงานกลุ่มก่อการร้าย IS ออกมาประกาศอ้างความรับผิดชอบ

เอเอฟพีรายงานวันนี้ (22 ก.พ) ว่า หลังเกิดเหตุระเบิดโจมตีครั้งใหญ่กลางกรุงดามัสกัส และเมืองฮอมส์ ซีเรีย เมื่อวานนี้ที่มีกลุ่มก่อการร้าย IS ออกมาประกาศความรับผิดชอบ โดยพบว่าใกล้กับกรุงดามัสกัส มีคาร์บอมบ์เกิดขึ้น และตามมาด้วยเหตุระเบิดฆ่าตัวตายอีก 2 ครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 96 คนใกล้กับบริเวณมัสยิดมุสลิมชีอะห์ในเขตเซย์ยิดา ไซนับ (Sayyida Zeinab) จากการรายงานของกลุ่มสังเกตการณ์ซีเรีย SOHR ที่มีฐานอยู่ในกรุงลอนดอน อังกฤษ

โดยสถานีโทรทัศน์รัฐบาลซีเรีย SANA รายงานเหตุระเบิดว่า มีผู้บาดเจ็บอีก 178 คน ซึ่งมีเด็กและผู้หญิงรวมอยู่ในนี้ จากการเปิดเผยตัวเลขของเหล่งข่าวตำรวจซีเรีย

เหตุครั้งนี้เกิดวันเดียวกับที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จอห์น เคร์รี ออกมาแถลงความสำเร็จที่สามารถบรรลุกในหลักการของข้อตกลงสงบศึกชั่วคราวในสงครามซีเรียที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 5 ปีสำเร็จ

ด้านหน่วยงานสังเกตการณ์ซีเรีย SOHR ได้แถลงต่อว่า และในวันอาทิตย์ (21 ก.พ) มีประชาชนซีเรียเสียชีวิต 59 คนจากเหตุโจมตีมือระเบิดฆ่าตัวตาย 2 ครั้งในเขตอัล ซาห์รา (al-Zahraa) ในเมืองฮอมส์ ซึ่งมีรายงานว่าผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 28 คนในเมืองฮอมส์ ล้วนเป็นพลเรือนทั้งสิ้น

SANA รายงานต่อว่า กลุ่มก่อการร้าย IS ประกาศความรับผิดชอบเหตุระเบิดโจมตีเกิดขึ้นล่าสุดในกรุงดามัสกัส

โดยเอเอฟพีชี้ว่า IS ได้แถลงผ่านออนไลน์ ประกาศอ้างความรับผิดชอบถึงเหตุระเบิด โดยทางกลุ่มอ้างว่า ได้ส่งรถบรรทุก 2 คันที่มีมือระเบิดฆ่าตัวตายขับไปยังใกล้กับมัสยิดมุสลิมชีอะห์ในเขตเซย์ยิดา ไซนับ ใกล้กรุงดามัสกัส และรถบรรทุกอีก 2 คันถูกขับโดยมือระเบิดฆ่าตัวตายเข้าไปยังที่ชุมชนพลุกพล่านในเมืองฮอมส์

นักข่าวเอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า พบว่ารถบรรทุกเกิดระเบิดขึ้นในขณะที่อยู่ห่างจากมัสยิดของชาวมุสลิมเชื้อสายชีอะห์ ซึ่งเป็นที่ตั้งสุสานหลานสาวของศาสดานบี มูฮัมหมัด ห่างไปราว 400 ม. ในเขตเซย์ยิดา ไซนับ ใกล้กรุงดามัสกัส

ด้านสตาฟฟาน เดอ มิสตูรา ทูตพิเศษด้านกิจการซีเรียของของสหประชาชาติ (Staffan de Mistura) ออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรงต่อการก่อเหตุครั้งนี้

โดยในภาพข่าวของ SANA ได้รายงานเหตุในเมืองฮอมส์เมื่อวันอาทิตย์ (21 ก.พ) ซึ่งปรากฏภาพความสับสนในที่เกิดเหตุ มีรถพยาบาลฉุกเฉินวิ่งเข้าไป และบรรดาเจ้าหน้าที่กู้ภัยฉุกเฉินได้ยกร่างผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกเผาจนเป็นตอตะโกขึ้นเตียงฉุกเฉิน ท่ามกลางซากปรักหักพังที่ถูกเผาไหม้จนเกรียมเพราะแรงระเบิด รวมไปถึง รถยนต์ รถมินิบัส และร้านค้าต่างๆ ในบริเวณโดยรอบ

เอเอฟพีรายงานว่า ย่านอัล-ซาฮ์ราแห่งนี้ที่เป็นที่อาศัยของชุมชนมุสลิมชีอะห์ ซึ่งเป็นนิกายเดียวกับผู้ปกครองประเทศ และมักตกเป็นเป้าโจมตีเสมอ

เอเอฟพีรายงานว่า ชาติมหาอำนาจตะวันตกต่างหวังว่าข้อตกลงสงบศึกจะสามารถเริ่มต้นใช้ได้ในวันศุกร์(9 ก.พ)ที่ผ่านมา

และมีรายงานต่อว่า ในวันอาทิตย์ (21 ก.พ.) ทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จอห์น เคร์รี และรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ ต้องประชุมหาข้อตกลงร่วมกันถึง 3 รอบก่อนที่จะสามารถบรรลุข้อตกลงสุดท้ายได้อย่างเป็นทางการ

“เราบรรลุสัญญาหยุดยิงซีเรียชั่วคราวในหลักการได้แล้ว และจะสามารถเป็นผลในทางปฎิบัติได้อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้” เคร์รีย์ออกมาแถลงหลังจากได้มีการหารือรอบแรก

และหลังจากนั้นกระทรวงต่างประเทศรัสเซียได้แออกแถลงการณ์ว่า หลังจากนั้นทั้งเคร์รีย์และลาฟรอฟ ได้กลับมาเจรจาต่อทางโทรศัพท์อีก 2 ครั้ง และในท้ายที่สุดทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงการหยุดยิงในขั้นสุดท้ายสำเร็จ

เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ชาติมหาอำนาจตะวันตกได้เสนอแผนการหยุดยิงซีเรียชั่วคราว 1 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ซึ่งข้อตกลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนระยะยาวที่ต้องการขยายขอบเขตความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปถึงพื้นที่ และยังเป็นการเปิดทางเพื่อทำให้การเจรจาสันติภาพที่ยังคั่งค้างอยู่กลับมาเริ่มต่ออีกครั้ง

ทั้งนี้ การเจรจาสันติภาพก่อนหน้านี้ได้ยุติกลางคันไปในต้นเดือนนี้ ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ โดยมีกำหนดที่จะกลับมาเปิดการเจรจาต่อในวันพฤหัสบดี (25 ก.พ) แต่ทว่าเอกอัคราชทูตซีเรียประจำองค์การสหประชาชาติคาดว่ากำหนดการเจรจาที่จะมีขึ้นภายในอีก 3 วันข้างหน้าไม่อาจเป็นไปได้

เอเอฟพีรายงานต่อว่า คณะกรรมาธิการเจรจาระดับสูง (HNC) ซึ่งเป็นองค์กรฝ่ายตรงข้ามทางการซีเรียขนาดใหญ่ที่ได้รับความสนับสนุนจากซาอุดีอาระเบีย ได้กล่าวในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า จะไม่ยอมตกลงในข้อสัญญาหยุดยิงชั่วคราวนี้ หากข้อตกลงนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลซีเรีย

โดยริอัด ฮิญาบ (Riad Hijab) หัวหน้า HNC ยืนยันว่า ข้อตกลงสงบศึกชั่วคราวจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีชาติมหาอำนาจตะวันตกเข้าแทรกแซงเท่านั้น และต้องได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากรัสเซีย อิหร่าน และกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ในพื้นที่ซึ่งอยู่ใต้ปีกยอมตกลงหยุดยิง

ในขณะที่ประธานาธิบดีซีเรีย บาชาร์ อัล-อัสซาด ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์สเปน El Pais ล่าสุดว่า ตัวเขาพร้อมที่จะยอมร่วมมือหยุดยิง แต่ทว่าผู้นำซีเรียชี้ว่า สิ่งนี้ไม่ควรจะถูกกลุ่มก่อการร้ายสามารถหาประโยชน์ได้

ทั้งนี้ มอสโกเป็นหนึ่งในตัวหลักของข้อตกลงการหยุดยิงซีเรียที่เกิดขึ้น แต่ทว่าเอเอฟพีชี้ว่าแต่ดูเหมือนทางมอสโกส่งสัญญาณน้อยมากในความเป็นไปได้ที่จะสั่งให้มีการหยุดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรีย ซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา

โดย SOHR รายงานว่า นับตั้งแต่เช้าวันเสาร์ (22 ก.พ)เป็นต้นมา นักรบญิฮัด IS ไม่ต่ำกว่า 50 คนในซีเรียเสียชีวิตจากการปะทะทางภาคพื้นและการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย


กำลังโหลดความคิดเห็น