เอเอฟพี - สหประชาชาติและสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (15 ก.พ.) รุดออกมาประณามปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มสถานพยาบาลและโรงเรียนทางภาคเหนือของซีเรีย เข่นฆ่าผู้คนเกือบ 50 คน พร้อมกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของรัสเซีย
ทางสหประชาชาติบอกว่าการโจมตีทางอากาศถล่มสถานพยาบาลอย่างน้อย 5 แห่งและโรงเรียน 2 แห่งในจังหวัดอเลปโปและอิดลิบ ทางเหนือของซีเรีย สังหารพลเรือนเกือบ 50 ศพ ในนั้นรวมถึงเด็ก
ฟาร์ฮาน ฮัก รองโฆษกของสหประชาชาติ เผยว่า นายบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ มองการโจมตีเช่นนี้ว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้ง
ด้านสหรัฐฯ ระบุว่าการโจมตีทางอากาศดังกล่าวถล่มโรงพยาบาลพลเรือน 2 แห่งทั้งในและรอบๆ เมืองอเลปโป โดยหนึ่งในนั้นบริหารงานโดยองค์การแพทย์ไร้พรมแดน(MSF) ส่วนอีกแห่งอยู่ในเมืองอาซาซ
“รัฐบาลของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด และเหล่าผู้สนับสนุนจะยังเดินหน้าโจมตีเช่นนี้ต่อไปอย่างไม่มีเหตุผลและไม่ใส่ใจต่อพันธสัญญาระหว่างประเทศต่อการปกป้องชีวิตผู้บริสุทธิ์ ซึ่งสวนทางกับข้อเรียกร้องอย่างเป็นเอกฉันท์ของ ISSG (กลุ่มสนับสนุนซีเรียนานาชาติ) ที่ขอให้หลีกเลี่ยงโจมตีพลเมือง” กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกต่อว่า พฤติกรรมเช่นนี้ก่อข้อสงสัยเกี่ยวกับเจตนาหรือความสามารถของรัสเซียในการช่วยหยุดความโหดร้ายป่าเถื่อนของรัฐบาลของนายอัสซาดที่กระทำต่อประชาชนของตนเอง
ความรุนแรงทางภาคพื้นที่หนักหน่วงขึ้นและสงครามน้ำลายระหว่างตุรกีกับรัสเซีย ได้กัดเซาะความหวังว่าจะมีการยึดถือข้อเสนอยุติความเป็นปรปักษ์ในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า นายสตาฟฟาน เดอ มิสตูรา ทูตพิเศษด้านกิจการซีเรียของสหประชาชาติ จะเดินทางเยือนกรุงดามัสกัสโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้าในวันจันทร์ (15 ก.พ.) ท่ามกลางความพยายามผลักดันจากเหล่าชาติมหาอำนาจเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อตกลงหยุดยิง
องค์การแพทย์ไร้พรมแดนไม่ได้กล่าวโทษว่าเป็นฝีมือใคร แต่ยืนยันว่าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่พวกเขาสนับสนุนในเมืองอิดลิบถูกโจมตี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย และสูญหาย 8 คน ซึ่งสันนิษฐานว่าไม่น่ามีชีวิตรอดเช่นกัน
มอสโกอ้างว่า การแทรกแซงทางทหารของพวกเขามีเป้าหมายเล่นงานพวกรัฐอิสลาม(ไอเอส) และก่อการร้ายอื่นๆ แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่าการโจมตีทางอากาศของมอสโกก่อความสูญเสียแก่ชีวิตพลเรือนจำนวนมาก
ทั้งนี้ โรงพยาบาลขององค์การแพทย์ไร้พรมแดนในอิดลิบเป็นสถานพยาบาลแห่งล่าสุดในหลายๆ แห่งที่ถูกโจมตีและกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของรัสเซีย นับตั้งแต่เครมลินเริ่มทิ้งบอมบ์ในซีเรียเมื่อวันที่ 30 กันยายน ปีก่อน
“การที่โรงพยาบาลถูกทำลายส่งผลให้ชาวบ้านท้องถิ่นราว 40,000 คนไม่สามารถเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ในโซนขัดแย้งที่ยังคุกรุ่น” มัสซิมิเลียโน รีบาอูเดนโก หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการขององค์การแพทย์ไร้พรมแดนประจำซีเรียกล่าว
นางเฟเดริกา โมเกรินี ประธานด้านนโยบายต่างประเทศแห่งสหภาพยุโรป (อียู) ประณามการโจมตีดังกล่าวว่า “เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้” และเรียกร้องทุกฝ่ายเคารพต่อหลักการพื้นฐานของกฎหมายสิทธิมนุษยธรรม
กลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนในซีเรียรายงานด้วยว่ามีพลเรือนอย่างน้อย 10 ราย เป็นเด็ก 3 ราย เสียชีวิตในเหตุโจมตีทางอากาศที่ต้องสงสัยว่าเป็นฝีมือของรัสเซีย ในเมืองอาซาซและพื้นที่ใกล้เคียงอีกแห่ง ด้วยเหตุโจมตีในตัวเมืองอาซาซนั้น ระเบิดไปลงใกล้ๆ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
การจู่โจมเมืองอเลปโปกลายเป็นเป้าหมายหลักของกองกำลังรัฐบาลในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยกองกำลังรัฐบาลได้ปิดล้อมพวกกบฏในทางพื้นที่ทางตะวันออกของเมืองแห่งนี้ หลังจากตัดขาดเส้นทางลำเลียงเสบียงหลักที่มุ่งหน้ามาจากชายแดนตุรกี
อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการดังกล่าวก่อความกังวลด้านวิกฤตมนุษยธรรม ด้วยประชาชนหลายหมื่นคนต้องอพยพหลบหนีออกจากบ้าน และจำนวนมากหลั่งไหลไปยังแนวชายแดนติดกับตุรกี ในความหวังผ่านแดนเข้าไปในตุรกี ขณะที่ความขัดแย้งในซีเรีย ที่เริ่มต้นจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในเดือนมีนาคม 2011 จนถึงตอนนี้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 260,000 ศพ