เอเอฟพี - กองทัพสหรัฐฯ ออกคำสั่ง “เคอร์ฟิว” ห้ามทหารอเมริกันที่ประจำการบนเกาะโอกินาวา ออกนอกฐานทัพยามวิกาลเป็นเวลา 1 เดือน หลังเกิดคดีฆ่าข่มขืนหญิงสาวชาวญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าผู้ลงมือน่าจะเป็นอดีตนาวิกโยธินสหรัฐฯ
คำประกาศนี้เป็นส่วนหนึ่งของ “ช่วงเวลาแห่งเอกภาพและการไว้อาลัย” นาน 1 เดือน หลังจากที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ได้แสดงความ “เสียใจอย่างสุดซึ้ง” ต่อเหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้น
กระแสต่อต้านในญี่ปุ่นปะทุขึ้นอย่างรุนแรง หลังจากสัปดาห์ที่แล้ว ตำรวจสามารถจับกุมอดีตนาวิกโยธินสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันเป็นเพียงลูกจ้างของฐานทัพ โดยเชื่อว่ามีส่วนพัวพันกับการเสียชีวิตของหญิงสาววัย 20 ปี ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา
พล.ร.ท.ลอว์เรนซ์ นิโคลสัน ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯ บนเกาะโอกินาวา แถลงว่า ในช่วง 30 วันนี้ กองทัพจะบังคับใช้คำสั่งเคอร์ฟิว และปรับเปลี่ยน “กฎระเบียบว่าด้วยเสรีภาพ” บางประการ
“ในช่วงเวลาแห่งเอกภาพและการไว้อาลัยนี้ งานเทศกาล คอนเสิร์ต และงานเฉลิมฉลองทุกรูปแบบภายในฐานทัพและที่ตั้งของเรา จะถูกเลื่อนออกไปก่อน”
เกาะโอกินาวาเคยเป็นสมรภูมิรบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และปัจจุบันถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่ง แต่เหตุกระทบกระทั่งระหว่างบุคลากรของสหรัฐฯ กับประชาชนในท้องถิ่นได้กลายเป็นปัญหาบั่นทอนความร่วมมือระหว่างโตเกียว และวอชิงตัน มานานหลายปี
สหรัฐฯ มีฐานทัพหลายแห่งตั้งอยู่บนเกาะโอกินาวา และทหารอเมริกันกว่าครึ่งจากทั้งหมด 47,000 คน ในญี่ปุ่นก็ประจำการอยู่ที่เกาะแห่งนี้
คดีข่มขืน, ทำร้ายร่างกาย, ชนแล้วหนี รวมถึงอาชญากรรมอื่น ๆ ซึ่งเกิดจากฝีมือของทหาร พลเรือน รวมถึงผู้ที่อยู่ในบังคับของสหรัฐฯ ทำให้ชาวญี่ปุ่นบนเกาะโอกินาวาออกมาชุมนุมประท้วงอยู่เป็นประจำ
ระหว่างแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ เมื่อวันพุธ (25 พ.ค.) โอบามา ได้แสดงความไม่พอใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยอมรับว่า ตน “รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง”
“รัฐบาลสหรัฐฯ จะให้ความร่วมมือต่อกระบวนการสอบสวนอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรมตามกระบวนการยุติธรรมของญี่ปุ่น”
โอบามา เดินทางเยือนญี่ปุ่นในสัปดาห์นี้ เพื่อร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ G7 และเมื่อวันศุกร์ (27) ก็ได้ไปเยือนเมืองฮิโรชิมา ซึ่งเคยถูกสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดปรมาณูในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
โอบามา ถือเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรก ที่ไปเยือนเมืองประวัติศาสตร์แห่งนี้ขณะอยู่ในตำแหน่ง และได้รับการต้อนรับอย่างดีจากชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่
