เกาหลีเหนือจวกสหรัฐฯ จงใจใช้กำลัง “ปิดล้อม” ไม่ต่างจากกรณี “เลนินกราด-คิวบา”

เอเอฟพี - หน่วยงานสูงสุดของกองทัพเกาหลีเหนือแถลงโจมตีฝ่ายศัตรูที่มีสหรัฐฯ เป็นผู้นำว่าพยายามที่จะบุกยึดรัฐโสมแดง เหมือนตอนที่กองทัพนาซีปิดล้อมนครเลนินกราดของสหภาพโซเวียตในปี 1944 รวมถึงคิวบาในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ขีปนาวุธ

วันนี้ (4 เม.ย.) สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือได้เผยแพร่คำแถลงจากโฆษกคณะกรรมาธิการกลาโหมแห่งชาติ (เอ็นดีซี) ซึ่งระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรชุดล่าสุดที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ใช้ลงโทษเกาหลีเหนือ ถือเป็นการกระทำเยี่ยง “อนาธิปไตย” และเสมือนการ “ฆ่าตัวตาย” เพราะอาจกระตุ้นให้เปียงยางตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์ถล่มแผ่นดินสหรัฐฯ

ยูเอ็นมีมติบังคับใช้บทลงโทษทางเศรษฐกิจที่หนักหนาสาหัสที่สุดในรอบ 20 ปีต่อเกาหลีเหนือ เพื่อตอบโต้การทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ซึ่งโสมแดงอ้างว่าเป็น “ระเบิดไฮโดรเจน” รวมถึงการยิงดาวเทียมสู่ห้วงอวกาศในอีก 1 เดือนต่อมา ซึ่งนานาชาติเชื่อว่าเป็นแค่แผนอำพรางการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลมากกว่า

โฆษกเอ็นดีซีชี้ว่า มาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้เป็นฝีมือของ “สหรัฐฯ และพวกพลังอำนาจชั่วร้ายอื่นๆ” ซึ่งมีเจตนาที่จะโจมตีและ “กลืนกิน” ชาติเกาหลีเหนือ

“การปิดล้อมนครเลนินกราดซึ่งสร้างความหวาดกลัวเข้าไปในหัวใจคนทั้งหลาย... และวิกฤตการณ์ในแคริบเบียนเมื่อช่วงสงครามเย็น ยังเปรียบไม่ได้กับสถานการณ์ที่เกาหลีเหนือกำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้”

เอ็นดีซี ระบุว่า แผนบีบคั้นของนานาชาติไม่เพียงไม่สามารถทำลายระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือ แต่ยังทำให้โสมแดงยิ่งมุ่งมั่นที่จะตอบโต้ ส่วนวอชิงตันที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังก็อาจถูกโสมแดง “แก้แค้นด้วยการยิงอาวุธนิวเคลียร์ไปถล่มสหรัฐฯ เมื่อใดก็ได้”

รัฐบาลเกาหลีเหนือออกคำขู่รายวันในช่วงหลายสัปดาห์มานี้ว่าจะนำ “อาวุธนิวเคลียร์” ออกมาใช้ตอบโต้ปฏิบัติการซ้อมรบร่วม “คีย์ รีโซล์ฟ” และ “โฟล อีเกิล” ครั้งใหญ่ที่สุดของโซลและวอชิงตัน ซึ่งโสมแดงเชื่อว่าเป็นแผน “ซ้อมรุกราน”

เปียงยางยังอ้างว่าสามารถคิดค้นเทคโนโลยีหลายอย่างที่จะนำไปสู่การพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) ทั้งการย่อส่วนหัวรบนิวเคลียร์ความร้อนเพื่อนำไปติดตั้งบนขีปนาวุธ และการทดสอบระบบนำจรวดกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ (re-entry technology) ซึ่งจะช่วยให้หัวรบที่ถูกยิงออกไปพร้อมกับจรวดพิสัยไกลสามารถย้อนกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกโดยปลอดภัย และไปโจมตีเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ยังเชื่อว่า เกาหลีเหนือต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะสามารถครอบครองจรวดที่มีศักยภาพโจมตีแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ ได้