เอเอฟพี - รัฐบาลเกาหลีเหนือออกมาขู่ครั้งล่าสุดว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ถล่มทั้งเกาหลีใต้และแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ “แบบไม่เลือกหน้า” หลังปฏิบัติการฝึกร่วมประจำปีระหว่างวอชิงตันและโซลได้เปิดฉากขึ้นในวันนี้ (7 มี.ค.) โดยเป็นการซ้อมรบที่ใช้ทั้งกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าร่วมมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
บรรยากาศบนคาบสมุทรเกาหลีร้อนระอุขึ้นทุกครั้งที่สหรัฐฯ และเกาหลีใต้จัดซ้อมรบ โดยเฉพาะในปีนี้ที่สถานการณ์ล่อแหลมเป็นพิเศษ เนื่องจากเปียงยางได้ทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 และยิงจรวดพิสัยไกลท้าทายมาตรการคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ไปเมื่อช่วงต้นปี
การซ้อมรบร่วมภายใต้รหัส “คีย์ รีโซล์ฟ” และ “โฟล อีเกิล” ในปีนี้มีทหารเกาหลีใต้เข้าร่วมมากถึง 300,000 นาย และทหารอเมริกันอีก 15,000 นาย รวมไปถึงเรือรบทางยุทธศาสตร์และอากาศยานทางทหารของสหรัฐฯ อีกจำนวนมาก
ก่อนเปิดการซ้อมรบแค่ไม่กี่ชั่วโมง คณะกรรมาธิการกลาโหมแห่งชาติเกาหลีเหนือได้ออกถ้อยแถลงเตือนว่า พวกเขาพร้อมที่จะใช้มาตรการตอบโต้ทางทหาร “ทุกรูปแบบ”
“การซ้อมรบร่วมที่พวกศัตรูทั้งสองชาติกำลังจะจัดขึ้น ถือเป็นการซักซ้อมทำสงครามนิวเคลียร์อย่างเปิดเผยที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อละเมิดอธิปไตย (ของเกาหลีเหนือ) ดังนั้น กองทัพเกาหลีเหนือจึงพร้อมที่จะรับมือกับพวกเขาด้วยการใช้อาวุธนิวเคลียร์ชิงโจมตีก่อน” ถ้อยแถลงดังกล่าวระบุ
คำขู่ล่าสุดนี้มีขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังจากที่ผู้นำ คิม จองอึน ได้สั่งให้กองทัพเตรียมอาวุธนิวเคลียร์ให้อยู่ในภาวะพร้อมใช้งานตลอดเวลา หลังคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจครั้งล่าสุดต่อเกาหลีเหนือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
แม้จะเป็นที่รับรู้กันว่าเกาหลีเหนือมีหัวรบนิวเคลียร์อยู่ไม่มากนัก แต่ผู้เชี่ยวชาญยังไม่อาจสรุปได้ว่า เปียงยางมีศักยภาพถึงขั้นนำหัวรบเหล่านั้นมาติดตั้งบนระบบขีปนาวุธพิสัยไกลที่มีความแม่นยำสูงแล้วหรือยัง
คณะกรรมาธิการกลาโหมแห่งชาติเกาหลีเหนือระบุว่า แผน “ชิงโจมตีก่อนด้วยอาวุธนิวเคลียร์” ถูกร่างขึ้นโดยกองบัญชาการสูงสุดของกองทัพประชาชนเกาหลี และผ่านการอนุมัติจากผู้นำคิมเป็นที่เรียบร้อย
แผนที่ว่านี้จะถูกนำมาใช้ทันที หากศัตรูของเกาหลีเหนือ “มีปฏิบัติการรุกรานทางทหารแม้เพียงเล็กน้อย”
“การโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์แบบไม่เลือกหน้า... จะทำให้พวกที่ชอบความก้าวร้าวและสงครามได้เห็นถึงความห้าวหาญของกองทัพเกาหลีเหนือ” คำแถลงที่เผยแพร่ผ่านสำนักข่าว KCNA ระบุ
เป้าหมายที่เกาหลีเหนือขู่โจมตีนั้นมีทั้งเขตสงครามบนคาบสมุทรเกาหลี รวมไปถึงฐานทัพอเมริกันบนแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ และในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
“แค่เรากดปุ่มทำลายตอนนี้ ฐานทัพที่พวกศัตรูใช้ในการยั่วยุจะแหลกเป็นจุณอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิงในพริบตา” คำแถลงของเกาหลีเหนือระบุ
แม้จะเคยยิงขีปนาวุธพิสัยไกลสำเร็จมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เชื่อว่า เกาหลีเหนือยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะสามารถพัฒนาระบบขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) ให้มีความแม่นยำ และโจมตีได้ถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ
รัฐบาลโสมแดงมักประณามการซ้อมรบ โฟล อีเกิล และ คีย์ รีโซล์ฟ ซึ่งกินเวลานานเกือบ 2 เดือนว่าเป็นการ “ซ้อมรุกราน” ในขณะที่โซลและวอชิงตันยืนกรานว่า ภารกิจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการป้องกันประเทศเท่านั้น
สหรัฐฯ ส่งกำลังพลเข้าร่วมปฏิบัติการซ้อมรบกับเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 4 เท่าตัว เพื่อตอบโต้ที่เกาหลีเหนือทดสอบนิวเคลียร์เมื่อต้นปีนี้ รวมถึงการยิงดาวเทียมเมื่อวันที่ 7 ก.พ. ซึ่งนานาชาติเชื่อว่าเป็นแค่แผนอำพรางการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกล
สัปดาห์ที่แล้ว คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติเป็นเอกฉันท์รับรองมติคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่หนักหน่วงที่สุดในรอบ 20 ปี โดยเฉพาะการปิดกั้นไม่ให้เกาหลีเหนือใช้ระบบขนส่งนานาชาติเพื่อนำเงินมาอุดหนุนโครงการขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์