เอเจนซีส์ - การประท้วงต่อต้าน “โดนัลด์ ทรัมป์” หน้าสถานที่หาเสียงของเขาในรัฐนิวเม็กซิโกเมื่อวันอังคาร (24 พ.ค.) ลุกลามกลายเป็นจลาจล หลังกลุ่มผู้ไม่พอใจข้อเสนอเล่นงานผู้ลักลอบเข้าเมืองของมหาเศรษฐีขี้อวดผู้นี้ ขว้างปาก้อนหิน ขวดน้ำ และทีเชิ้ตไหม้ไฟเข้าใส่ตำรวจ รวมทั้งพยายามบุกเข้าสู่ศูนย์ประชุมที่ทรัมป์กำลังปราศรัยอยู่ อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกันนั้นเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์จากนิวยอร์กผู้นี้สามารถกวาดชัยชนะแบบไร้คู่แข่งในการเลือกตั้งขั้นต้นที่รัฐวอชิงตัน ทำให้การได้เป็นผู้สมัครในนามรีพับลิกันเพื่อเข้าแข่งขันชิงทำเนียบขาวอยู่แค่ปลายนิ้วเอื้อม
ก่อนการเลือกตั้งขั้นต้นที่รัฐวอชิงตัน ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้สมัครของพรรครีพับลิกันเพียงคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ มีตัวแทนผู้ลงคะแนนแล้ว 1,189 คน ขาดอีกเพียง 48 คนก็จะถึงเป้าหมาย 1,237 คนเพื่อให้ได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคอย่างแน่นอนเด็ดขาด โดยที่รัฐวอชิงตันมีตัวแทนผู้ลงคะแนน 44 คน ดังนั้น จึงค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์จากนิวยอร์กผู้นี้จะได้ลงสนามเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ วันที่ 8 พฤศจิกายนในนามพรรครีพับลิกัน
กระนั้น ความสำเร็จนี้กลับถูกปกคลุมด้วยข่าวการประท้วงของกลุ่มผู้ต่อต้านทรัมป์ที่เมืองแอลบูเคอร์คี เมืองใหญ่สุดในรัฐนิวเม็กซิโก ที่ลุกลามกลายเป็นจลาจล หลังผู้ประท้วงโยนทีเชิ้ตที่เผา รวมทั้งขว้างปาขวดและก้อนหินเข้าใส่ตำรวจ และพยายามบุกเข้าสู่ศูนย์ประชุมที่ทรัมป์กำลังปราศรัยหาเสียง
ทางด้านตำรวจปราบจลาจลได้ตอบโต้ด้วยการพ่นสเปรย์พริกไทยและยิงระเบิดควันเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วง รายงานระบุว่า มีตำรวจหลายนายได้รับบาดเจ็บ และผู้ประท้วงถูกจับกุมอย่างน้อย 1 คน
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ได้ตอบโต้ผู้ประท้วงด้วยการสั่งการจากบนเวทีหาเสียงท่ามกลางผู้สนับสนุนราว 4,000 คน ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนำผู้ประท้วงออกจากศูนย์ประชุม และยังเยาะเย้ยคนเหล่านั้นว่า “กลับบ้านไปหาแม่เถอะ”
การหาเสียงเมื่อวันอังคารถือเป็นครั้งแรกที่อดีตพิธีกรเรียลิตีโชว์ผู้นี้เดินทางไปหาเสียงที่นิวเม็กซิโก มลรัฐที่มีชาวฮิสปานิกหรือกลุ่มคนที่ใช้ภาษาและวัฒนธรรมสเปนเป็นสัดส่วนมากที่สุดในอเมริกา และการสำรวจความคิดเห็นระบุว่า คนกลุ่มนี้ต่อต้านข้อเสนอเรื่องคนเข้าเมืองของทรัมป์อย่างรุนแรง
ซูซานา มาร์ติเนซ ผู้ว่าการหญิงของรัฐนี้ที่มีเชื้อสายฮิสปานิก และยังเป็นนายกสมาคมผู้ว่าการรัฐสังกัดพรรครีพับลิกัน ไม่ได้ปรากฏตัวในการหาเสียงเมื่อวันอังคาร รวมทั้งไม่ได้ให้การรับรองทรัมป์ ในทางตรงข้าม ที่ผ่านมามาร์ติเนซวิจารณ์ทรัมป์อย่างรุนแรงเรื่องข้อเสนอสร้างกำแพงตลอดแนวชายแดนติดกับเม็กซิโกและการเนรเทศผู้ลักลอกเข้าเมืองผิดกฎหมาย 11 ล้านคน
ระหว่างหาเสียง ทรัมป์งัดสถิติแง่ลบของนิวเม็กซิโกมาโจมตีมาร์ติเนซ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการแสตมป์อาหารที่เพิ่มขึ้น
ทางด้านสำนักงานผู้ว่าการรัฐนิวเม็กซิโกออกคำแถลงตอบโต้ว่า มาร์ติเนซผลักดันเรื่องการปฏิรูประบบสวัสดิการมาโดยตลอด และว่า การวิจารณ์โดยปราศจากการไตร่ตรองอย่างรอบคอบเป็นเพียงการเล่นเกมการเมือง ไม่ใช่ปัญหาด้านนโยบาย
“ผู้ว่าการรัฐจะไม่สนับสนุนผู้สมัครคนใดจนกว่าจะเชื่อได้ว่าผู้สมัครคนนั้นต่อสู้เพื่อชาวนิวเม็กซิโกอย่างแท้จริง แต่วันนี้เราไม่ได้ยินคำพูดนั้นเลย” คำแถลงจากสำนักงานผู้ว่าการรัฐนิวเม็กซิโกระบุ