เอเอฟพี – สหรัฐฯ และชาติมหาอำนาจในยุโรปออกมาประกาศสนับสนุนให้สถาบันการเงินและนักธุรกิจต่างชาติ กลับเข้าไปลงทุนทำธุรกิจอย่างถูกกฎหมายในอิหร่าน
หลังเสร็จสิ้นการหารือที่กรุงบรัสเซลส์ สหรัฐฯ สหภาพยุโรป ฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมนี ได้มีถ้อยแถลงร่วมกันในวันนี้ (20 พ.ค.) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนว่าการค้ากับอิหร่านในบางรูปแบบนั้นสามารถทำได้ หลังจากที่ได้มีการบรรลุข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์
“เราจะไม่ขัดขวางการทำธุรกิจที่ได้รับอนุญาตกับอิหร่าน... และจะไม่ขัดขวางบริษัทหรือสถาบันการเงินต่างชาติที่ต้องการเข้าไปขยายกิจการในอิหร่าน ตราบใดที่พวกเขาปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย” คำแถลง ระบุ
ข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านกับกลุ่มมหาอำนาจ P5+1 ซึ่งมีการลงนามเมื่อปีที่แล้ว และเริ่มบังคับใช้ในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่นานาชาติใช้บีบคั้นกิจกรรมนิวเคลียร์ของเตหะรานผ่อนคลายลงไปมาก
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังไม่ยกเลิกบทลงโทษในส่วนของการคว่ำบาตรโครงการขีปนาวุธ และการที่อิหร่านมีบทบาทสนับสนุนการเคลื่อนย้ายอาวุธในตะวันออกกลาง
ธนาคารยุโรปซึ่งมักจะมีบริษัทย่อยอยู่ในสหรัฐฯ ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปฟื้นความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับอิหร่านอย่างเต็มตัว ด้วยเกรงว่าจะเผชิญบทลงโทษจากสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี คำแถลงร่วมของกลุ่มมหาอำนาจตะวันตกต่อแผนปฏิบัติการร่วมฉบับสมบูรณ์ (Joint Comprehensive Plan of Action – JCPOA) ซึ่งเป็นแผนบังคับใช้ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน เท่ากับเป็นการเปิด “ไฟเขียว” ให้แก่ภาคธุรกิจอย่างแท้จริง
“ผลประโยชน์ที่บริษัทยุโรปและทั่วโลกจะได้รับจากอิหร่านนั้นสูงมาก... และการรับรองว่า JCPOA จะให้ผลดีกับทุกฝ่าย ก็เป็นประโยชน์ทั้งกับเราและประชาคมโลก รวมถึงชาวอิหร่านเองด้วย” คำแถลง ระบุ
จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เกิดข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์ ได้เดินทางไปยังบรัสเซลส์เพื่อร่วมประชุมกับบรรดารัฐมนตรีนาโต และยังได้ร่วมหารือเรื่องการบังคับใช้ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านด้วย