xs
xsm
sm
md
lg

แนะจับตาฝั่งยุโรปเตรียมใช้นโยบายการเงินเข้าแก้ปัญหา Brexit และชะลอผลกระทบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


KTBST ประเมินกรอบ SET สัปดาห์นี้ 1,468-1,485 จุด คาดได้รับปัจจัยบวกจากต่างประเทศหนุนตลาดฯ ในช่วงสั้น แนะจับตา ธ.กลางอังกฤษ 14 ก.ค. จะมีมาตรการอะไรออกมาบ้าง คาดว่าอาจลดดอกเบี้ยลง 0.25% รวมทั้งการเพิ่มวงเงินซื้อพันธบัตรอีก 375,0000 ล้านปอนด์ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบ ส่วนอีซีบีอาจต้องอัดฉีดเงินเพิ่มอีกประมาณ 150,000 ล้านยูโร เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับธนาคารในยุโรป หลังสัญญาณปัญหาระบบการเงินในอิตาลีไม่ค่อยดี

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST กล่าวถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ (12-15 ก.ค.) โดยระบุว่า ผลการเลือกตั้งในสภาสูงของญี่ปุ่นจะหนุนให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียดีขึ้น ต่อเนื่องจากคืนวันศุกร์ (8 ก.ค.) ที่สหรัฐฯ มีการรายงานตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด โดยส่งผลบวกมาถึงตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้

ขณะที่ประเด็นในเรื่องของ Brexit นั้นยังไม่มีการเพิ่มความกังวลให้กับนักลงทุนในเวลานี้ เพราะตลาดรอดูผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษในวันพฤหัส (14 ก.ค.) ว่า จะปรับนโยบายทางการเงิน ทั้งดอกเบี้ย และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) เพื่อรองรับผลของ Brexit ในอนาคต หลังไม่มีการปรับนโยบายทางการเงินนี้มานานหลายปี ดังนั้น ปัจจัยในต่างประเทศ จึงให้น้ำหนักไปในทางที่เป็นบวก

ส่วนปัจจัยในประเทศ ตลาดยังรับปัจจัยเดิมๆ เพราะขาดปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาในตลาด ดังนั้น ในช่วงนี้หุ้นในกลุ่มที่เติบโตจากเศรษฐกิจภายในประเทศ (Domestic Play) และกลุ่มที่เป็นการลงทุนของทั้งภาครัฐ กับเอกชนยังเป็นกลุ่มนำตลาดต่อไป ขณะที่การเก็งกำไรงบไตรมาส 2 นั้น จะเป็นการเก็งเป็นรายตัวไป รวมถึงหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลกลางปีด้วย

กลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ มองว่าตลาดหุ้นอาจจะไม่เคลื่อนไหวไม่ดีเหมือนสัปดาห์ก่อน จึงแนะให้รอซื้อเมื่ออ่อนตัว หรือเลือกขายกำไรบางส่วนในหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก มองกรอบว่าดัชนีหุ้นในสัปดาห์นี้ที่ 1,468-1,485 จุด

ด้าน นายชาตรี โรจนอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) มองว่า ตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ยังได้รับปัจจัยบวกเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้น 287,000 ตำแหน่ง ในเดือน มิ.ย. จากระดับ 38,000 ตำแหน่ง ในเดือน พ.ค. สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ดีขึ้น แต่ก็ยังคาดว่า สหรัฐฯ จะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้

นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการประกาศตัวเลขจีดีพีของจีนในไตรมาส 2 ที่คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ระดับ 6.6% และการที่ธนาคารกลางอังกฤษอาจจะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อรับมือจากการที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากเรื่อง Brexit คาดว่าอาจลดดอกเบี้ยลง 0.25% จากเดิมอยู่ที่ 0.50% รวมทั้งการเพิ่มวงเงินซื้อพันธบัตรอีก 375,0000 ล้านปอนด์ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบ

ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าวน่าจะส่งผลให้ตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้น่ามีแรงวิ่งต่อไปได้ แต่ก็คาดว่าจะเป็นการปรับตัวขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น เพราะยังมีปัจจัยลบที่ต้องติดตามอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจำนวนหนี้ที่สูงของจีน และของอิตาลี ซึ่งก็ยังเป็นเรื่องที่ทางธนาคารยุโรปต้องเร่งแก้ปัญหา และได้มีการคาดการณ์แล้วว่า ECB อาจต้องอัดฉีดเงินเพิ่มอีกประมาณ 150,000 ล้านยูโร เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับธนาคารในยุโรป

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนของ บล. KTBST ยังให้น้ำหนักในตลาดหุ้นญี่ปุ่น และเอเชียที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่อง Brexit ขณะที่หุ้นสหรัฐฯ แม้เศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น แต่หุ้นที่ปรับตัวขึ้นมากอาจมองว่าเป็นระดับราคาที่แพง โดยการลงทุนที่ยังแนะนำยังคงเป็นการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทโครงสร้างพื้นฐาน หุ้นกู้ภาคเอกชน

ส่วนทิศทางราคาทองคำ มองว่าแนวโน้มโน้มยังคงไปได้ต่อ เพราะยังได้ปัจจัยจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ยังมีอยู่ มองว่าราคาอาจไปถึงที่ระดับ 1,400 เหรียญสหรัฐได้
กำลังโหลดความคิดเห็น