(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
US billionaire Schwarzman: China wants the American dream
By Asia Unhedged
05/05/2016
สตีเฟน ชวาร์ซมาน อภิมหาเศรษฐีอเมริกันผู้เป็นประธานและซีอีโอของกลุ่ม “แบล็กสโตน” มองว่า ถึงแม้จีนกับสหรัฐฯเกิดการกระทบกระทั่งกันบ่อยๆ แต่อันจริงแล้วประชาชนทั้งสองประเทศกลับมีความมุ่งมาดปรารถนาเหมือนกันอย่างมาก โดยที่คนจีนก็ต้องการไปให้ถึง “ความฝันอเมริกัน” เหมือนกับคนอเมริกันนั่นเอง
จีนกับสหรัฐฯอาจเกิดการกระทบกระทั่งกันอยู่บ่อยๆ ในประเด็นปัญหาร้อยแปดพันเก้า ทว่าความมุ่งมาดปรารถนาของประชาชนในทั้งสองประเทศนี้กลับเหมือนกันอยู่มาก
นั่นเป็นความคิดเห็นของ สตีเฟน ชวาร์ซมาน (Stephen Schwarzman) อภิมหาเศรษฐีนักการเงินชาวอเมริกัน ซึ่งไปพูดกับโทรทัศน์ ซีเอ็นเอ็น มันนี่ เมื่อเร็วๆ นี้ (ดูรายละเอียดได้ที่ http://money.cnn.com/2016/05/05/news/economy/stephen-schwarzman-china-trump/index.html) โดยหลักฐานชิ้นเอกที่เขาหยิบยกขึ้นมาอ้างอิงยืนยันก็คือ ในคำปราศรัยแรกสุดที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ขึ้นพูดเมื่อได้รับตำแหน่งเป็นประมุขของประเทศนั้น เขาสาธยายถึง “ความฝันของจีน” (China dream)
“ความฝันของจีนที่ว่านี้คืออะไรกันล่ะ? ฟังดูแล้วมันก็เหมือนมากทีเดียวกับความฝันของอเมริกัน (American dream)” สวาร์ซมาน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ กลุ่ม “แบล็กสโตน” (Blackstone) บริษัทบริหารจัดการหลักทรัพย์ชื่อดัง กล่าวกับ คริสตินา อเลสซี (Cristina Alesci) แห่งซีเอ็นเอ็น ในงานการประชุมระดับโลกปี 2016 ของสถาบันมิลเคน (Milken Institute Global Conference 2016) ที่เมืองลอสแองเจลิส “[ประธานาธิบดีสี] ต้องการให้ประชาชนได้รับค่าจ้างสูงขึ้น เขาต้องการให้พวกเขามีบ้านพักอาศัยที่ดีขึ้น และเขาก็ต้องการให้พวกเขาได้รับการดูแลรักษาสุขภาพที่ดีขึ้น”
ชวาร์ซมานยังกล่าวปกป้องแก้ต่างเรื่องที่เศรษฐกิจของจีนอยู่ในภาวะชะลอตัวในช่วงหลังๆ มานี้ โดยกล่าวว่า นี่เป็นการเปลี่ยนผ่านตามธรรมชาติ
เขาบอกว่าการที่จะเดินหน้าทำให้ความฝันของจีนกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้นั้น แดนมังกรมีแต่ต้องเปลี่ยนผ่านไปเป็นชาติที่เศรษฐกิจเน้นหนักที่การบริโภคอย่างเดียวกับที่สหรัฐฯเป็นอยู่ โดยที่จะต้องหันเหออกจากการเป็นเศรษฐกิจซึ่งขับดันด้วยการส่งออก ซึ่งเคยเป็นหัวจักรสำคัญที่สุดในการสร้างอัตราเติบโตระดับตัวเลข 2 หลักของจีนในหลายๆ ปีที่ผ่านมา
ชวาร์ซมาน ซึ่งนิตยสารฟอร์บส์ให้ตัวเลข ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2016 ว่าเขามีทรัพย์สินความมั่งคั่งอยู่ประมาณ 9,700 ล้านดอลลาร์ ไม่ถึงกับบอกว่าเขามองจีนเป็น “กระทิง” ที่จะเติบโตขยายตัวด้วยความคึกคัก แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาแสดงการผูกพันกับแดนมังกร โดยที่ในปีนี้ ชวาร์ซมานเริ่มเดินหน้ากองทุนเพื่อการศึกษาที่ตั้งนามตามชื่อของเขา ซึ่งจะอุปถัมภ์พวกนักศึกษาสหรัฐฯที่ต้องการไปศึกษาวิจัยระดับปริญญาโทเป็นเวลาเวลา 1 ปีในปักกิ่ง โดยเน้นหนักการศึกษาวิจัยไปที่เรื่องนโยบาย, เศรษฐศาสตร์, ธุรกิจ, และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เมื่อตอนที่ตลาดการเงินทั่วโลกพากันไหลรูดในเดือนมกราคมที่ผ่านมา นักลงทุนจำนวนมากกล่าวโทษว่าเป็นเพราะเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวด้วยอัตรารวดเร็วกว่าที่คาดหมายกัน หรือที่เรียกขานกันว่า “ฮาร์ด แลนดิ้ง” ทว่าชวาร์ซมานไม่เห็นด้วยกับคำอธิบายเช่นนี้
“ผมคิดว่าการพูดอย่างนั้น เป็นการอ่านสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาอย่างผิวเผินเกินไป โดยตามข้อเท็จจริงแล้ว มันยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรจริงๆเลย” ชวาร์ซมานโต้แย้ง “จีนเพียงแต่กำลังปรับสมดุลเศรษฐกิจของตนเท่านั้น”
ชวาร์ซมาน ซึ่งเป็นชาวรีพับลิกันที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในวอลล์สตรีท ไม่ได้แสดงความวิตกกังวลอะไรที่มีการพูดจาต่อต้านจีนและต่อต้านการค้าเสรี ระหว่างการรณรงค์หาเสียงที่กำลังอึกทึกครึกโครมอยู่ในอเมริกา และไม่คิดว่านั่นมีความหมายอะไรมากมายต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งเป็นเจ้าของระบบเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 และ 2 ของโลกตามลำดับ
เขาบอกว่า ถ้าเกิดสหรัฐฯเริ่มต้นละเมิดข้อตกลงต่างๆ ภายใต้กรอบขององค์การการค้าโลก (WTO) นั่นแหละจึงจะส่งผลกระทบรุนแรง ทำให้โลกธุรกิจกลายเป็นโลกที่แตกต่างไปจากในปัจจุบัน เขากล่าวด้วยว่า “ยิ่งมีการใช้คำพูดโวหารรุนแรงขึ้นไปเท่าใด ก็จะมีบางคนปรารถนาที่จะไปอยู่ในด้านตรงกันข้ามมากขึ้นเท่านั้น”
เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ชวาร์ซมานพูดถึงการลงแข่งขันและการหาเสียงของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่า “น่าทึ่ง” และเป็นเรื่องดีสำหรับระบอบประชาธิปไตยแบบอเมริกัน แต่เวลาเดียวกันเขาก็เปรียบเทียบ ทรัมป์ ว่าเหมือนกับอดีตดาราละครสัตว์ยักษ์ใหญ่ พี.ที.บาร์นัม
อย่างไรก็ตาม มาถึงเวลานี้เมื่อทรัมป์กำลังจะกลายเป็นผู้สมัครของพรรครีพับลิกันลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเดือนพฤศจิกายนนี้ค่อนข้างแน่นอนแล้ว น้ำเสียงของชวาร์ซมานที่มีต่อทรัมป์ก็ดูจะไม่ได้แสดงอาการขำขันสนุกสนานเช่นนั้นอีกแล้ว เขาไม่ยอมตอบคำถามที่ว่าจะสนับสนุนทรัมป์หรือไม่ แต่ก็ไม่ได้แสดงความตื่นตกใจต่อการที่ทรัมป์กำลังจะได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน
“การได้งานมาทำนั่นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การทำงานนั้นให้สำเร็จนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง” ชวาร์ซมาน กล่าว
US billionaire Schwarzman: China wants the American dream
By Asia Unhedged
05/05/2016
สตีเฟน ชวาร์ซมาน อภิมหาเศรษฐีอเมริกันผู้เป็นประธานและซีอีโอของกลุ่ม “แบล็กสโตน” มองว่า ถึงแม้จีนกับสหรัฐฯเกิดการกระทบกระทั่งกันบ่อยๆ แต่อันจริงแล้วประชาชนทั้งสองประเทศกลับมีความมุ่งมาดปรารถนาเหมือนกันอย่างมาก โดยที่คนจีนก็ต้องการไปให้ถึง “ความฝันอเมริกัน” เหมือนกับคนอเมริกันนั่นเอง
จีนกับสหรัฐฯอาจเกิดการกระทบกระทั่งกันอยู่บ่อยๆ ในประเด็นปัญหาร้อยแปดพันเก้า ทว่าความมุ่งมาดปรารถนาของประชาชนในทั้งสองประเทศนี้กลับเหมือนกันอยู่มาก
นั่นเป็นความคิดเห็นของ สตีเฟน ชวาร์ซมาน (Stephen Schwarzman) อภิมหาเศรษฐีนักการเงินชาวอเมริกัน ซึ่งไปพูดกับโทรทัศน์ ซีเอ็นเอ็น มันนี่ เมื่อเร็วๆ นี้ (ดูรายละเอียดได้ที่ http://money.cnn.com/2016/05/05/news/economy/stephen-schwarzman-china-trump/index.html) โดยหลักฐานชิ้นเอกที่เขาหยิบยกขึ้นมาอ้างอิงยืนยันก็คือ ในคำปราศรัยแรกสุดที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ขึ้นพูดเมื่อได้รับตำแหน่งเป็นประมุขของประเทศนั้น เขาสาธยายถึง “ความฝันของจีน” (China dream)
“ความฝันของจีนที่ว่านี้คืออะไรกันล่ะ? ฟังดูแล้วมันก็เหมือนมากทีเดียวกับความฝันของอเมริกัน (American dream)” สวาร์ซมาน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ กลุ่ม “แบล็กสโตน” (Blackstone) บริษัทบริหารจัดการหลักทรัพย์ชื่อดัง กล่าวกับ คริสตินา อเลสซี (Cristina Alesci) แห่งซีเอ็นเอ็น ในงานการประชุมระดับโลกปี 2016 ของสถาบันมิลเคน (Milken Institute Global Conference 2016) ที่เมืองลอสแองเจลิส “[ประธานาธิบดีสี] ต้องการให้ประชาชนได้รับค่าจ้างสูงขึ้น เขาต้องการให้พวกเขามีบ้านพักอาศัยที่ดีขึ้น และเขาก็ต้องการให้พวกเขาได้รับการดูแลรักษาสุขภาพที่ดีขึ้น”
ชวาร์ซมานยังกล่าวปกป้องแก้ต่างเรื่องที่เศรษฐกิจของจีนอยู่ในภาวะชะลอตัวในช่วงหลังๆ มานี้ โดยกล่าวว่า นี่เป็นการเปลี่ยนผ่านตามธรรมชาติ
เขาบอกว่าการที่จะเดินหน้าทำให้ความฝันของจีนกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้นั้น แดนมังกรมีแต่ต้องเปลี่ยนผ่านไปเป็นชาติที่เศรษฐกิจเน้นหนักที่การบริโภคอย่างเดียวกับที่สหรัฐฯเป็นอยู่ โดยที่จะต้องหันเหออกจากการเป็นเศรษฐกิจซึ่งขับดันด้วยการส่งออก ซึ่งเคยเป็นหัวจักรสำคัญที่สุดในการสร้างอัตราเติบโตระดับตัวเลข 2 หลักของจีนในหลายๆ ปีที่ผ่านมา
ชวาร์ซมาน ซึ่งนิตยสารฟอร์บส์ให้ตัวเลข ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2016 ว่าเขามีทรัพย์สินความมั่งคั่งอยู่ประมาณ 9,700 ล้านดอลลาร์ ไม่ถึงกับบอกว่าเขามองจีนเป็น “กระทิง” ที่จะเติบโตขยายตัวด้วยความคึกคัก แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาแสดงการผูกพันกับแดนมังกร โดยที่ในปีนี้ ชวาร์ซมานเริ่มเดินหน้ากองทุนเพื่อการศึกษาที่ตั้งนามตามชื่อของเขา ซึ่งจะอุปถัมภ์พวกนักศึกษาสหรัฐฯที่ต้องการไปศึกษาวิจัยระดับปริญญาโทเป็นเวลาเวลา 1 ปีในปักกิ่ง โดยเน้นหนักการศึกษาวิจัยไปที่เรื่องนโยบาย, เศรษฐศาสตร์, ธุรกิจ, และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เมื่อตอนที่ตลาดการเงินทั่วโลกพากันไหลรูดในเดือนมกราคมที่ผ่านมา นักลงทุนจำนวนมากกล่าวโทษว่าเป็นเพราะเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวด้วยอัตรารวดเร็วกว่าที่คาดหมายกัน หรือที่เรียกขานกันว่า “ฮาร์ด แลนดิ้ง” ทว่าชวาร์ซมานไม่เห็นด้วยกับคำอธิบายเช่นนี้
“ผมคิดว่าการพูดอย่างนั้น เป็นการอ่านสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาอย่างผิวเผินเกินไป โดยตามข้อเท็จจริงแล้ว มันยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรจริงๆเลย” ชวาร์ซมานโต้แย้ง “จีนเพียงแต่กำลังปรับสมดุลเศรษฐกิจของตนเท่านั้น”
ชวาร์ซมาน ซึ่งเป็นชาวรีพับลิกันที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในวอลล์สตรีท ไม่ได้แสดงความวิตกกังวลอะไรที่มีการพูดจาต่อต้านจีนและต่อต้านการค้าเสรี ระหว่างการรณรงค์หาเสียงที่กำลังอึกทึกครึกโครมอยู่ในอเมริกา และไม่คิดว่านั่นมีความหมายอะไรมากมายต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งเป็นเจ้าของระบบเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 และ 2 ของโลกตามลำดับ
เขาบอกว่า ถ้าเกิดสหรัฐฯเริ่มต้นละเมิดข้อตกลงต่างๆ ภายใต้กรอบขององค์การการค้าโลก (WTO) นั่นแหละจึงจะส่งผลกระทบรุนแรง ทำให้โลกธุรกิจกลายเป็นโลกที่แตกต่างไปจากในปัจจุบัน เขากล่าวด้วยว่า “ยิ่งมีการใช้คำพูดโวหารรุนแรงขึ้นไปเท่าใด ก็จะมีบางคนปรารถนาที่จะไปอยู่ในด้านตรงกันข้ามมากขึ้นเท่านั้น”
เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ชวาร์ซมานพูดถึงการลงแข่งขันและการหาเสียงของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่า “น่าทึ่ง” และเป็นเรื่องดีสำหรับระบอบประชาธิปไตยแบบอเมริกัน แต่เวลาเดียวกันเขาก็เปรียบเทียบ ทรัมป์ ว่าเหมือนกับอดีตดาราละครสัตว์ยักษ์ใหญ่ พี.ที.บาร์นัม
อย่างไรก็ตาม มาถึงเวลานี้เมื่อทรัมป์กำลังจะกลายเป็นผู้สมัครของพรรครีพับลิกันลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเดือนพฤศจิกายนนี้ค่อนข้างแน่นอนแล้ว น้ำเสียงของชวาร์ซมานที่มีต่อทรัมป์ก็ดูจะไม่ได้แสดงอาการขำขันสนุกสนานเช่นนั้นอีกแล้ว เขาไม่ยอมตอบคำถามที่ว่าจะสนับสนุนทรัมป์หรือไม่ แต่ก็ไม่ได้แสดงความตื่นตกใจต่อการที่ทรัมป์กำลังจะได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน
“การได้งานมาทำนั่นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การทำงานนั้นให้สำเร็จนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง” ชวาร์ซมาน กล่าว
