เอพี/MGR ออนไลน์ - เจ้าหน้าที่แคนาดาจะเริ่มต้นเคลื่อนย้ายประชาชนเรือนหมื่นจากค่ายพักคนงานต่างๆ ที่ถูกใช้เป็นศูนย์อพยพชั่วคราว ในบริเวณด้านเหนือของเมืองฟอร์ต แมคเมอร์เรย์, รัฐแอลเบอร์ตา โดยจะเดินทางในรูปของการเกาะกลุ่มเป็นขบวนรถยาวเหยียดไปตามทางหลวงในตอนช่วงเช้าวันศุกร์ (6 พ.ค.ตามเวลาท้องถิ่น ช้ากว่าเวลาเมืองไทย 13 ชั่วโมง ดังนั้นเวลาในไทยจะเป็นช่วงคืนวันศุกร์) ถ้าหากเส้นทางดังกล่าวปลอดภัยจากไฟป่าที่กำลังอาละวาดหนัก
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้อพยพประชาชนโดยทางอากาศไปแล้วราว 8,000 คนในวันพฤหัสบดี (5) และยังจะลำเลียงประชาชนให้ไปยังที่ปลอดภัยด้วยวิธีนี้ต่อไปในวันศุกร์ (6) ขณะเดียวกับที่ขบวนรถยนต์อพยพจะออกเดินทางมุ่งหน้าไปทางใต้ในตอนเช้า
รัฐบาลท้องถิ่นของรัฐแอลเบอร์ตาซึ่งได้ประกาศภาวะฉุกเฉินตั้งแต่วันพุธ (4) แถลงว่าเวลานี้มีพนักงานดับเพลิงกว่า 1,100 คน, เฮลิคอปเตอร์ 145 ลำ, เครื่องจักรอุปกรณ์ขนาดหนัก 138 ชิ้น และเครื่องบินบรรทุกน้ำ 22 ลำ กำลังต่อสู้ผจญไฟป่า แต่ แชด มอร์ริสัน ผู้จัดการฝ่ายการป้องกันไฟป่าของแอลเบอร์ตากล่าวยอมรับว่า เครื่องบินบรรทุกน้ำจะยังไม่สามารถหยุดยั้งไฟป่าคราวนี้ได้ เพราะสภาพอากาศที่แห้งผากจะทำให้พระเพลิงแผ่ลามต่อไปอีก จำเป็นต้องมีฝนตกในปริมาณมากพอสมควรลงมาช่วยด้วยจึงจะสำเร็จ
เวลานี้พระเพลิงยังคงไหม้ลามใหญ่โตเพิ่มขึ้นอีก ทว่า กำลังเคลื่อนตัวในทิศทางออกไปจากเมืองฟอร์ตแมคเมอร์เรย์ และอัตราการลุกลามก็ได้ช้าลงแล้ว อย่างไรก็ตาม ตามการพยากรณ์ของ “เอนไวรอนเมนต์ แคนาดา” ยังไม่คาดว่าจะมีเมฆฝนก่อตัวในพื้นที่รอบๆ ฟอร์ต แมคเมอร์เรย์ โดยคงจะต้องรอไปจนถึงคืนวันเสาร์ (7) ซึ่งโอกาสที่ฝนจะตกจะอยู่ในราว 40%
เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบด้านต่างๆ บอกว่า ฟอร์ต แมคเมอร์เรย์ ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเขตทรายน้ำมันของแคนาดา เวลานี้อยู่ในสภาพเป็นเมืองร้าง ภายหลังมีการสั่งอพยพประชาชนออกไปกว่า 80,000 คน
มีผู้อพยพราว 25,000 คนถูกโยกย้ายไปอยู่ทางตอนเหนือของเมืองในช่วงเวลาหลายชั่วโมงภายหลังคำสั่งบังคับอพยพโยกย้าย มีผลบังคับในวันอังคาร (3) พวกเขาไปพักอาศัยกันตามค่ายพักต่างๆ ของคนงานอุตสาหกรรมทรายน้ำมัน ที่ดัดแปลงให้เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว แต่ส่วนใหญ่ของผู้อพยพโยกย้ายจากฟอร์ต แมคเคอร์เรย์ กว่า 80,000 คน ได้ใช้เส้นทางหลบหนีไปทางใต้ มุ่งไปยังเมืองเอดมันตัน เมืองเอกของรัฐแอลเบอร์ตา ตลอดจนสถานที่อื่นๆ และเวลานี้เจ้าหน้าที่กำลังพยายามเคลื่อนย้ายทุกๆ คนลงใต้ ซึ่งพวกเขาจะได้รับบริการสนับสนุนต่างๆ สะดวกสบายกว่า
จนกระทั่งถึงคืนวันพฤหัสบดี (5) เจ้าหน้าที่ได้ลำเลียงผู้อพยพ 8,000 คนโดยทางอากาศ ไปยังเมืองเอดมันตัน และเมืองแคลการี เมืองใหญ่ที่สุดของแอลเบอร์ตา ขณะที่พวกเขาหวังว่าทางหลวงสายดังกล่าวจะมีความปลอดภัยเพียงพอแล้วในวันศุกร์ (6) เพื่อโยกย้ายผู้คนที่ยังเหลืออยู่ให้ออกไปทางด้านใต้ โดยที่ในวันพฤหัสบดี (5) นั้น ไฟป่าที่ไหม้อยู่ใกล้ๆ ทำให้เส้นทางนี้ไม่ปลอดภัย
เจ้าหน้าที่จะใช้เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งเป็นผู้นำขบวนรถอพยพในตอนเช้าวันศุกร์ เพื่อสำรวจสอดส่องให้มั่นใจว่าทางหลวงมีความปลอดภัย ทางหลวงสายนี้ตัดผ่านเมืองฟอร์ต แมคเมอร์เรย์ ซึ่งพระเพลิงได้เผาผลาญบ้านเรือนและอาคารอื่นๆ ไปราว 1,600 หลัง
ราเชล นอตลีย์ นายกรัฐมนตรีหญิงของรัฐแอลเบอร์ตา แถลงว่า ขบวนรถขบวนแรกจะมีรถราว 400 คันและเจ้าหน้าที่อีกหลายคน เพื่อตรวจสอบดูว่าจะเดินทางไปได้ไกลแค่ไหน
จวบจนถึงเวลานี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บในรัฐนี้สืบเนื่องจากไฟป่าคราวนี้ นอตลีย์บอกว่าจะให้ความสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้คนในแอลเบอร์ตาที่ลำบากเดือดร้อน รวมทั้งยังจะทำบัตรเงินสดเพื่อให้ชาวบ้านชาวเมืองที่ต้องกลายเป็นผู้อพยพ ได้มีเงินใช้จ่าย
รัฐบาลแอลเบอร์ตายังประกาศห้ามก่อไฟทั่วทั้งรัฐ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่าปะทุขึ้นมาอีกในขณะที่อากาศยังคงร้อนจัดและแห้งผาก
สำหรับฟอร์ต แมคเมอร์เรย์ นั้นแวดล้อมด้วยป่าเขา และถือเป็นเมืองหลักในพื้นที่อุดมด้วยทรายน้ำมันของแคนาดา ถึงแม้มีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่และมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของแคนาดา ทว่ายังคงมีเส้นทางใหญ่สำหรับให้รถราวิ่งเข้าออกเมืองอยู่เพียง 2 สายเท่านั้น ภูมิภาคแถบนี้ถือเป็นแหล่งน้ำมันสำรองใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองลงมาจากซาอุดีอาระเบีย และเวเนซุเอลา
ด้วยกระแสลมที่แรงจัด, อากาศร้อนจนตัวไหม้เกรียม, และความชื้นก็อยู่ในระดับต่ำ พระเพลิงจึงแผ่ลามออกไปจากที่ครอบคลุมอาณาบริเวณ 75 ตารางกิโลเมตรในวันอังคาร (3) กลายเป็น 100 ตารางกิโลเมตรในวันพุธ (4) พอถึงวันพฤหัสบดี (5) ก็ขยายตัวขึ้นเกือบเป็น 9 เท่าตัวโดยครอบคลุมพื้นที่ถึง 850 ตารางกิโลเมตร
อากาศที่ร้อนจัดกว่าฤดูกาลปกติ บวกกับสภาพที่แห้งแล้งหนัก ได้เปลี่ยนให้พื้นที่ป่าแบบเขตเหนือของโลก ซึ่งมีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ในรัฐแอลเบอร์ตา กลายเป็นหีบชนวนระเบิด มอร์ริสัน ผู้จัดการฝ่ายการป้องกันไฟป่าของแอลเบอร์ตา บอกว่าพวกเขากำลังสอบสวนหาสาเหตุของอัคคีภัยคราวนี้ แต่เขากล่าวด้วยว่าไฟป่าเริ่มขึ้นในพื้นที่ห่างไกลซึ่งเป็นป่าทึบ โดยอาจเกิดขึ้นจากฟ้าผ่า
ขณะที่ บิลล์ พาตเซิร์ต นักภูมิอากาศวิทยา ซึ่งทำงานที่ห้องแล็บ เจ็ต โพรพัลชัน แลบอราทอรี ขององค์การนาซา ในแคลิฟอร์เนีย มองว่า การที่ไฟป่าคราวนี้มีความรุนแรงดุร้ายเป็นพิเศษ เนื่องจากมีปัจจัยหลายๆ ประการเข้ามาผสมผสานกันอย่างเหมาะเหม็ง เป็นต้นว่า ระบบสภาพอากาศโลก เอลนิโญ ที่กำลังเกิดขึ้น ได้ทำให้ฤดูหนาวที่ผ่านมาในแอลเบอร์ตา อากาศไม่หนาวจัดและหิมะตกน้อย
พาตเซิร์ตอธิบายต่อไปว่า พระเพลิงเริ่มลุกลามในช่วงเวลาตรงกลางระหว่างฤดูกาลที่มีหิมะตก กับระยะเวลาที่ฝนฤดูใบไม้ผลิจะตกลงมาซึ่งแปรเปลี่ยนให้ภูมิประเทศกลับเขียวขจี ดังนั้นช่วงตรงกลางดังกล่าวจึงทำให้พื้นที่แถบนี้อาจจะประสบกับไฟป่าได้อย่างง่ายดายเป็นพิเศษ
ทางด้าน บิลล์ สตวร์ต ผู้อำนวยการร่วมของศูนย์เพื่อการวิจัยไฟป่าของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า อัคคีภัยคราวนี้ก่อให้เกิดการอพยพหลบหนีของผู้คนครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในอเมริกาเหนือในช่วงกว่า 100 ปีที่ผ่านมาทีเดียว
เขาบอกว่า หากยกเว้นไม่นับเหตุการณ์ไม่กี่เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในสหรัฐฯแล้ว การที่เมืองทั้งเมืองถูกคุกคามกันในระดับนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยได้พบเห็นกันเลยในระยะเวลากว่า 100 ปี
ในทางเศรษฐกิจ พระเพลิงคราวนี้กระทบกระเทือนหนักต่อการผลิตน้ำมันดิบในภูมิภาคแถบนี้ โดยบริษัทต่างๆ ต้องตัดลดหรือกระทั่งหยุดการผลิตอย่างสิ้นเชิง
นายกรัฐมนตรีนอตลีย์ของแอลเบอร์ตา กล่าวว่า พวกโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการผลิตน้ำมันดิบและก๊าซ ส่วนใหญ่ยังคงไม่ได้รับกระทบกระเทือนอะไร ทว่าผลผลิตต้องลดต่ำลงเป็นธรรมดาเนื่องจากบรรดาลูกจ้างพนักงานต้องอพยพหลบภัย
สำหรับสนามบินของเมืองฟอร์ต แมคเมอร์เรย์ ปรากฏว่าได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย เนื่องจากความพยายาม “อย่างกับเฮอร์คิวลิส” ของพวกพนักงานดับเพลิง สกอตต์ ลอง แห่งสำนักงานบริหารจัดการเหตุฉุกเฉินของรัฐแอลเบอร์ตา กล่าว ทั้งนี้พนักงานดับเพลิงได้มุ่งโฟกัสไปที่การปกป้องคุ้มครองพวกโครงสร้างพื้นฐานสำคัญๆ อย่างเช่น โรงผลิตน้ำประปา, โรงพยาบาล และสนามบิน ขณะที่พนักงานระดมลำเลียงน้ำบอมบ์ใส่เมืองในวันพฤหัสบดี (5)