xs
xsm
sm
md
lg

ช่วย ‘เฒ่าวัย 72’ ขึ้นจากกองปรักหักพัง หลังติดอยู่ ‘13 วัน’ แผ่นดินไหวเอกวาดอร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<i>เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือของเอกวาดอร์และของต่างประเทศ  ค้นหาผู้ที่อาจติดอยู่ในกองปรักหักพังของอาคารที่พังทลายลงมา ภายหลังแผ่นดินไหวขนาดรุนแรงเล่นงานชายฝั่งแปซิฟิกของเอกวาดอร์ ในภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อวันที่ 21 เมษายนภาพนี้  ทั้งนี้เวเนซุเอลาแถลงในวันเสาร์ (30 เม.ย.) ว่า ทีมงานกู้ภัยของตนเพิ่งพบและช่วยเหลือชายชราวัย 72 ปีที่ติดอยู่ในกองปรักหักพังอยู่นาน 13 วัน </i>
เอเอฟพี - ชายชราวัย 72 ปี ที่ยังคงรอดชีวิตภายหลังติดอยู่ร่วม ๆ 2 สัปดาห์ ในกองปรักหักพังจากแผ่นดินไหวขนาดรุนแรงที่เอกวาดอร์ ได้รับความช่วยเหลือจากทีมค้นหาซึ่งเข้าไปตรวจสอบประเมินปัญหาโครงสร้างของอาคาร สถานเอกอัครราชทูตเวเนซุเอลาประจำเอกวาดอร์ แถลงในวันเสาร์ (30 เม.ย.)

คณะค้นหาซึ่งเวเนซุเอลาส่งไปช่วยเหลือเอกวาดอร์ ได้ค้นพบจุดที่ชายชราผู้นี้ ซึ่งมีชื่อว่า มานูเอล วัสเกซ ติดอยู่ข้างใต้กองปรักหักพัง โดยเขาติดอยู่ตรงนั้น นับตั้งแต่ที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวระดับ 7.8 เมื่อวันที่ 16 เมษายน ซึ่งได้สังหารชีวิตผู้คนไปไม่น้อยกว่า 660 คน สถานเอกอัครราชทูตเวเนซุเอลาในกรุงกีโต ระบุในเว็บไซต์ของตน

ตามรายงานในเว็บไซต์ดังกล่าว คณะค้นหาค้นพบวัสเกซ “กำลังทำเสียงให้ได้ยิน ในอาคารที่พังทลายลงมาเป็นบางส่วนแห่งหนึ่ง” ในจังหวัดมานาบี เมื่อวันศุกร์ (29) ขณะที่พวกเขาเข้าไปตรวจสอบประเมินปัญหาทางโครงสร้างของอาคารแห่งนั้น

ทั้งนี้ แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 16 เมษายน คราวนี้ นับเป็นครั้งร้ายแรงที่สุดที่เอกวาดอร์ต้องเผชิญในระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยทำให้อาคารจำนวนมากพังถล่มลงมา อีกทั้งสร้างความเสียหายแก่ถนนหนทางและโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ในบริเวณชายฝั่งซึ่งเป็นเขตท่องเที่ยวของประเทศ

วัสเกซได้รับการช่วยเหลือออกมาและพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งปรากฏว่า เขามีปัญหาที่ไต รวมทั้งสูญเสียนิ้วเท้าไปหลายนิ้ว นอกจากเขายังแสดงอาการขาดน้ำ และจิตใจสับสนมึนงง

ภายหลังเกิดแผ่นดินไหว เอกวาดอร์ได้ประกาศขอความช่วยเหลือและต้อนรับทีมกู้ภัย, แพทย์พยาบาล, เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ตลอดจนเจ้าหน้าที่สนับสนุนอื่น ๆ จากประเทศต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก

ทางด้าน ประธานาธิบดี ราฟาเอล กอเรอา ได้ประกาศใช้มาตรการทางเศรษฐกิจจำนวนหนึ่ง ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะหาเงินทองมาสำหรับงานฟื้นฟูบูรณะ ซึ่งประมาณการว่าจะต้องใช้จ่ายราว 3,000 ล้านดอลลาร์


กำลังโหลดความคิดเห็น