รอยเตอร์ - มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปเผยในวันพุธ(27เม.ย.) ว่ายอดสั่งซื้อรถยนต์ของบริษัทลดลงราวครึ่งหนึ่ง นับตั้งแต่ยอมรับเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าโกงการทดสอบประสิทธิภาพประหยัดน้ำมัน เพิ่มความกังวลต่อแนวโน้มของบริษัทที่เผชิญเรื่องอื้อฉาวมาแล้วหลายครั้งในประวัติศาสตร์
ผู้ผลิตรถยนต์แห่งนี้เผยว่าอาจต้องทาบทามพวกผู้สนับสนุนทางการเงิน ซึ่งรวมถึงบริษัทอื่นๆในมิตซูบิชิ กรุ๊ป สำหรับขอความช่วยเหลือถ้าจำเป็น แต่ย้ำว่าสถานะทางการเงินของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ยังแข็งแกร่งและ ณ เวลานี้ยังไม่เห็นถึงความจำเป็นของเงินทุนก้อนใหม่
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ยอมรับว่าได้โกงข้อมูลการทดสอบประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน ในรถยนต์มินิ 4 รุ่นของตลาดภายในประเทศ ในนั้นรวมถึง 2 รุ่นที่ผลิตให้กับนิสสัน มอเตอร์ โค
ต่อมาเมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ ทาง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ยอมรับเพิ่มเติมว่าพวกเขาใช้วิธีการทดสอบการประหยัดน้ำมันของบริษัทไม่สอดคล้องกับกฎระเบียบของญี่ปุ่นมากว่า 25 ปี นานกว่าที่รับรู้กันก่อนหน้านี้ และบอกด้วยว่าอาจมีรุ่นอื่นๆอีกที่ใช้วิธีการทดสอบที่ไม่สอดคล้องกับกฎระเบียบ
"นับตั้งแต่เราออกคำแถลงเมื่อวันที่ 20 เมษายน คำสั่งซื้อรถยนต์รายวันของเราลดลงครึ่งหนึ่ง" นายเท็ตซูโร ไอกาวา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของบริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ บอกกับผู้สื่อข่าวในวันพุธ(27เม.ย.) อ้างถึงทั้งรถยนต์มินิและรุ่นปกติทั่วไป
อย่างไรก็ตามเขาปฏิเสธรายงานข่าวของสื่อมวลชนญี่ปุ่น ที่บอกว่าเขาและนายโอซามุ มาซูโกะ ซีอีโอของบริษัท มีแผนที่จะลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบต่อเรื่องอื้อฉาวนี้ "มันคือความรับผิดชอบและภารกิจของผม ที่จะนำพาบริษัทคืนสู่เส้นทางของการฟื้นตัว" เขากล่าวพร้อมระบุว่ารายงานข่าวนี้มีพื้นฐานจากการคาดเดาเท่านั้น
มิตซูบิชิ มอเตอร์ มียอดขายทั่วโลก 1.048 ล้านคันในรอบปีจนถึงเดือนมีนาคม ด้วย 1 ใน 3 เป็นการขายในตลาดเอเชีย ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่สุดของบริษัท
นักวิเคราะห์ระบุว่าจากการรับสารภาพว่าจงใจโกงข้อมูลอวดอ้างผลการทดสอบประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันเกินจริง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส อาจต้องเสียเงินเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นค่าชดเชยแก่ผู้ใช้รถยนต์ จ่ายส่วนลดภายหลัง (Rebate) คืนแก่รัฐบาลและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งประมาณการว่าน่าจะอยู่ราวๆ 611 ดอลลาร์ ถึง 1,491 ดอลลาร์ต่อคัน ขณะที่จนถึงตอนนี้มีรถยนต์ได้รับผลกระทบราว 625,000 คัน
