ซุดดอยช์ ไซตุง - ยอดนักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา “ลิโอเนล เมสซี” คืออีกหนึ่งคนดังที่ปรากฏชื่อในเอกสารกว่า 11.5 ล้านหน้าของบริษัทกฎหมายปานามาที่รั่วไหลจนกลายเป็นข่าวครึกโครมในช่วงนี้ แม้ว่าปัญหาเรื่องการเลี่ยงภาษีจะมีข่าวออกมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ข้อมูลใหม่ที่ถูกเผยออกมาอาจทำให้แกนหลักของทีมบาร์เซโลนารายนี้ตกที่นั่งลำบาก
ลิโอเนล เมสซี ชาวอาร์เจนตินาวัย 28 ปี ได้ถูกยกให้เป็นนักฟุตบอลที่เก่งกาจที่สุดในโลก แต่เสน่ห์ในสนาม ความสามารถ และการตัดสินใจอันยอดเยี่ยมในชั่วเสี้ยววินาทีดูเหมือนจะหายไปเมื่อเขาออกจากสนามคัมป์นูของสโมสรบาร์เซโลนา นอกสนามนั้นเขาเหมือนเด็กน้อยผู้ประหม่า ปล่อยให้การตัดสินใจที่สำคัญต่อทิศทางอาชีพของเขา ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินโยนไปให้คนอื่นตัดสินใจ
เรื่องนี้กำลังจะสร้างปัญหาให้เขาในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องจากในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ลิโอเนล เมสซี จะต้องไปปรากฏตัวในศาล จากข้อกล่าวหาที่เขาต้องสงสัยว่าเลี่ยงภาษีเป็นเงินจำนวน 4.1 ล้านยูโร ซึ่งการจะทำเช่นนั้นได้เมสซีจะต้องใช้ประโยชน์จากเครือข่ายบริษัทในต่างแดนให้พลิ้วไหวดังเช่นลีลาในสนามของเขา
เอกสารข้อมูลธุรกรรมทางการเงินกว่า 11.5 ล้านฉบับที่รั่วไหลออกมาจากบริษัทกฎหมาย “มอสแซค ฟอนเซกา” ในปานามา ที่เรียกกันว่า “ปานามา เปเปอร์ส” ได้เปิดเผยให้เห็นว่า ลิโอเนล เมสซี ดูเหมือนจะครอบครองหุ้น 50 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทที่ตั้งขึ้นมาบังหน้า ซึ่งไม่เคยมีใครรู้ว่ามีตัวตนมาก่อนจนกระทั่งถูกเปิดโปงในครั้งนี้ ถือเป็นข้อมูลเพิ่มเติมให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่สืบสวนของสเปนที่พอจะระแคะระคายเรื่องนี้มาบ้างแล้ว บริษัทดังกล่าวเคยได้รับการดูแลชั่วคราวโดย “มอสแซค ฟอนเซกา”
บริษัทที่ถูกตั้งขึ้นมาบังหน้านั้นมีชื่อว่า “เมกา สตาร์ เอนเตอร์ไพรซ์” ช่างเป็นชื่อที่เหมาะสมกับยอดนักฟุตบอลที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก ผู้ซึ่งสามารถจะย้ายไปเล่นที่ไหนก็ได้ แต่ก็ยังเลือกจะอยู่กับบาร์เซโลนาเสมอมา
หลังการถูกตั้งข้อหาเลี่ยงภาษีล่วงรู้ถึงหูสาธารณชน ตอนนั้นทำให้เกิดความวิตกกังวลกันไปทั่วว่าเมสซีอาจจะต้องย้ายไปเล่นที่อื่น เช่นเดียวกับดาวดังในอดีตอย่าง โยฮัน ครอยฟ์, แบรนด์ ชูสเตอร์, ดิเอโก มาราโดนา, โรนัลโด, หลุยส์ ฟิโก, โรนัลดินโญ
แต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน เมสซียืนกรานว่าเขาจะไม่ย้ายไปสโมสรอื่นในยุโรป โดยบอกว่าจะจบอาชีพการค้าแข้งกับสโมสรนิวเวลส์ โอลด์บอย ซึ่งอยู่ที่บ้านเกิดของเขาในอาร์เจนตินา ถิ่นที่เขาถือกำเนิด สร้างความโล่งใจให้บรรดาแฟนบาร์เซโลนา
บาร์เซโลนาดูแลยอดนักเตะรายนี้เป็นอย่างดี ซึ่งเขาก็ตอบแทนด้วยการพาทีมคว้าแชมป์มากมายหลายรายการ ทั้งยังคว้ารางวัลสุดยอดนักเตะของฟีฟ่าได้ถึง 5 ครั้ง รายได้ของเขานั้นมากมายมหาศาลถึงขนาดมีการระบุว่าเขาคือนักฟุตบอลที่มีรายได้สูงสุดในโลก
สื่อกีฬา “ฟรองซ์ ฟุตบอล” ได้ประเมินว่า เมสซีมีรายได้รวม 65 ล้านยูโรในปี 2015 โดยแบ่งเป็นค่าแรง 36 ล้านยูโร ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากโฆษณา หากนำไปเทียบกับนักเตะรายอื่นในปีเดียวกันก็จะถือว่าเยอะกว่ามาก
บรรดาคนที่มีรายได้เยอะก็มักจะมีเงินเหลือเก็บเยอะด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคนเหล่านี้นำมันไปลงทุนอย่างชาญฉลาด ซึ่งข้อมูลใน “ปานามา เปเปอร์ส” ได้พิสูจน์คำกล่าวนี้ โดยมีบุคคล 5 รายที่แสร้งทำตัวเป็นผู้บริหารของ “เมกา สตาร์ เอนเตอร์ไพรซ์” ซึ่งคนเหล่านี้ก็ยังมีความเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เจ้าของที่แท้จริงของบริษัทนี้ดูเหมือนจะเป็น “ลิโอเนล อันเดรส เมสซี” กับพ่อผู้รับหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัว “ฮอร์เก โฮราชิโอ เมสซี” เพราะข้อมูลใน “ปานามา เปเปอร์ส” ช่วงเดือนมิถุนายน 2013 แสดงให้เห็นว่า ผู้ได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากการตัดสินใจต่างๆ ของบริษัท “เมกา สตาร์ เอนเตอร์ไพรซ์” ก็คือเมสซี
นับเป็นข้อมูลเพิ่มเติมต่อข้อกล่าวหาที่หลายคนรู้กันแล้วเกี่ยวกับการบริหารด้านการเงินของเมสซี ซึ่งนั่นก็มากเพียงพอที่จะทำให้เขาต้องลำบาก โดยในเดือนตุลาคม 2015 ผู้พิพากษาที่ทำหน้าที่ตรวจสอบได้ตัดสินใจให้ ลิโอเนล เมสซี กับพ่อของเขาต้องถูกพิจารณาคดีเนื่องจากต้องสงสัยว่าเลี่ยงภาษี ซึ่งก่อนหน้านั้นสำนักงานอัยการได้ถกกันอย่างหนักเกี่ยวกับคำร้องที่จะให้ยกเลิกข้อหาทั้งหมดต่อเมสซี แล้วดำเนินคดีกับพ่อของเขาเพียงผู้เดียว อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังของสเปนได้ยืนกรานว่าต้องตั้งข้อหากับยอดนักฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินารายนี้ด้วย นั่นจึงทำให้เมสซีต้องขึ้นศาล
ข้อมูลใน “ปานามา เปเปอร์ส” ช่วยหนุนข้อกล่าวหาของเจ้าหน้าที่สืบสวนที่ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2005 เมสซีกับพ่อของเขาได้ขายลิขสิทธิ์ภาพของเมสซีให้บริษัทในต่างแดนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภาษีต่ำในแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้อย่างประเทศเบลีซและอุรุกวัย บริษัทโฆษณาที่อยากใช้รูปของเมสซีในโฆษณาก็จะต้องจ่ายเงินให้บริษัทที่ตั้งอยู่ในต่างแดน ส่งผลให้สรรพากรของสเปนทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มองตาปริบๆ
นอกจากนี้ ข้อมูลในเอกสารที่รั่วไหลยังแสดงให้เห็นด้วยว่าบริษัทกฎหมายในปานามาทำหน้าที่เป็นคนกลาง ช่วยจัดตั้งบริษัท “เมกา สตาร์ เอนเตอร์ไพรซ์” ให้กับเมสซีในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2012 ซึ่งนับเป็นจุดเชื่อมโยงแรกต่อข้อหาในสเปน ถัดจากนั้นในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2012 มีการยืนยันว่าเมสซีคือหุ้นส่วนรายเดียวของ “เจนบริล เอส. เอ.” อีกหนึ่งบริษัทที่ตั้งขึ้นมาบังหน้าไว้ก่อนแล้ว
จุดเชื่อมโยงที่สองถูกพบในช่วงหน้าร้อนปี 2013 เมื่อการสอบสวนเมสซีถูกประกาศ โดยในวันที่ 12 มิถุนายน 2013 สำนักข่าวอีเอฟอีของสเปนได้รายงานเรื่องการตั้งข้อหาเป็นครั้งแรก แล้วสื่อหลายชาติก็พากันตีข่าว ซึ่งข้อมูลใน “ปานามา เปเปอร์ส” แสดงให้เห็นว่า ในวันต่อมาหลังมีข่าว ทนายความชาวอุรุกวัยของเมสซีก็ได้เขียนอีเมลไปหา มอสแซค ฟอนเซกา แสดงความต้องการว่าอยากจะได้คนมาเป็นผู้บริหารปลอมๆ คอยดูแล “เมกา สตาร์ เอนเตอร์ไพรซ์” โดยที่จะให้ มอสแซค ฟอนเซกา บริหารบริษัทที่มีแต่เปลือกนอกแห่งนี้ต่ออีกที
ดูเหมือนว่าฝ่ายให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าของ มอสแซค ฟอนเซกา จะสงสัยว่าพวกเขากำลังรับมือกับบริษัทที่มีปัญหา ก็เลยยืนกรานให้มีการทำสัญญาขอยกเว้นความรับผิดชอบใดๆ สัญญาข้อยกเว้นนี้ทำขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่ามอสแซคและเหล่าผู้บริหารเก๊จะไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ต่อการร้องเรียนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ “เมกา สตาร์ เอนเตอร์ไพรซ์” โดยทาง “ลิโอเนล เมสซี” กับพ่อของเขา “ฮอร์เก โอราชิโอ เมสซี” ได้ลงนามในสัญญานี้เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2013
ข้อมูลใน “ปานามา เปเปอร์ส” ไม่ได้เปิดเผยชัดเจนว่าบทบาทหลักของ “เมกา สตาร์” เป็นอย่างไรในเครือข่ายบริษัทเทียมที่ตั้งขึ้นมาบังหน้าของเมสซี แต่มีเอกสารหน้าหนึ่งที่ระบุว่า มันถูกใช้ลงทุนเพื่อทำ “ธุรกิจทั่วไป” ซึ่งเอกสารที่รั่วไหลเหล่านี้ก็ไม่ได้เผยให้เห็นถึงสัญญาหรือการทำธุรกรรมทางการเงินของเมกาสตาร์ ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะมีใครคนอื่นที่ได้รับมอบอำนาจให้ดำเนินการแทน สังเกตได้จากจดหมายซึ่งระบุวันที่ 23 มิถุนายน 2013 พ่อลูกตระกูลเมสซี ได้บอกกับมอสแซคอย่างมั่นใจว่า พวกเขาจะช่วยในการมอบฉันทะ ซึ่งนั่นจะช่วยให้ผู้ได้รับมอบสามารถเปิดบัญชีต่างๆ ทำการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ หรือดำเนินการทำสัญญาใดๆ ได้โดยไม่ต้องถึงมือเจ้าของบริษัท หากอัยการสเปนยังไม่คุ้นเคยกับ “เมกา สตาร์ เอนเตอร์ไพรซ์” พวกเขาอาจสนใจอยากจะตามหาว่าใครคือผู้ได้รับมอบฉันทะ
ถึงกระนั้น แม้จะมีชื่อของเมสซีปรากฏอยู่ในสัญญาต่างๆ ของเมกา สตาร์ แถมยอดนักเตะผู้นี้ยังลงนามด้วยตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าเขาได้ชี้แจงเรื่องนี้ไว้ในคำแก้ต่างสำหรับการพิจารณาคดีที่จะมาถึง ที่เมสซีระบุว่า “ผมไม่เคยดูสิ่งที่ผมเซ็น ถ้าพ่อผมบอกว่าควรเซ็น ผมจะหลับตาเซ็นเลย” เขายังเคยบอกด้วยว่า “ผมเซ็นในสิ่งที่พ่อผมบอกว่าควรเซ็น ผมไม่ดู ไม่สนใจ ไม่ตั้งคำถามใดๆ”
การอ้างเหตุผลลักษณะนี้เคยมีให้เห็นมาแล้วในเยอรมนี แทบจะเป็นกลยุทธ์แบบเดียวกับที่ “ฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์” เคยใช้เมื่อครั้งตกเป็นข่าวฉาวโฉ่กรณีฟุตบอลโลกปี 2006 ซึ่งตอนนั้นทางไกเซอร์ฟรานซ์อ้างว่าเขาเซ็นทุกอย่างที่ได้รับจากที่ปรึกษาของเขา