xs
xsm
sm
md
lg

“ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้” พร้อมใจรูดซิปปาก หลัง “ทรัมป์” ประกาศจะ “ถอนทหารอเมริกัน” แถมเปิดทางให้ “พัฒนานุก”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี - รัฐบาลเกาหลีใต้และญี่ปุ่นยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นวันนี้ (28 มี.ค.) หลังมหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์ เต็งหนึ่งในศึกชิงตัวแทนพรรครีพับลิกัน ประกาศว่าจะถอนทหารอเมริกันกลับประเทศหากได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมเปิดทางให้ 2 ชาติพันธมิตรพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมาป้องกันตนเอง

ปัจจุบันมีทหารอเมริกันประการอย่างถาวรอยู่ในเกาหลีใต้เกือบ 30,000 นาย และในญี่ปุ่นอีก 47,000 นาย ซึ่งทั้งสองชาติก็แทบไม่เคยแสดงท่าทีว่าอยากจะครอบครองอาวุธนิวเคลียร์

มุน ซัง-กยุน โฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ระบุว่า ไม่เป็นการเหมาะสมที่จะเกาหลีใต้จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำพูดของผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังผู้สื่อข่าวตั้งคำถามเรื่องนโยบาย “อเมริกา เฟิร์สต์” ของ ทรัมป์ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดภาระของสหรัฐฯ ในการปกป้องชาติพันธมิตร

อย่างไรก็ดี มุน ย้ำว่า โซลยังคงยึดมั่นในสนธิสัญญาปกป้องซึ่งกันและกันระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ (South Korea-US Mutual Defence Treaty) ซึ่งเป็นรากฐานความเป็นพันธมิตรระหว่างโซลและวอชิงตัน

ด้าน โยชิฮิเดะ สุกะ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น ก็ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นโดยตรงเกี่ยวกับนโยบายของ ทรัมป์ ซึ่งถูกเผยแพร่ผ่านหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สเมื่อวันเสาร์ (26) แต่ก็ยืนยันว่าความเป็นหุ้นส่วนทางทหารกับวอชิงตันถือเป็นสิ่งสำคัญและจะยืนยงตลอดไป

“นี่คือเสาหลักในนโยบายต่างประเทศของญี่ปุ่น และสำคัญอย่างยิ่งต่อความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และทั่วโลก” สุกะ แถลงต่อสื่อมวลชน

สุกะ ย้ำด้วยว่า ญี่ปุ่นจะยังคงนโยบายต่อต้านการครอบครองและผลิตอาวุธนิวเคลียร์ และห้ามนำอาวุธนิวเคลียร์จากต่างชาติเข้ามาในแดนอาทิตย์อุทัยด้วย

แม้กลุ่มที่สนับสนุนให้เกาหลีใต้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เพื่อป้องกันประเทศจะยังเป็นเสียงข้างน้อย แต่เรื่องนี้ก็เป็นที่พูดถึงมากขึ้นในทุกๆ ครั้งที่เกาหลีเหนือทดสอบนิวเคลียร์
เครื่องบิน เอ็มวี-22 ออสเปรย์ ของสหรัฐฯถูกนำลงจากเรือบรรทุกสินค้า เพื่อตรวจเช็คสภาพที่ฐานทัพเมืองอิวาคุนิ ก่อนถูกส่งไปประจำการบนเกาะโอกินาวา (แฟ้มภาพ - AFP)
ญี่ปุ่นนั้นถูกมองว่าเป็นชาติที่มีเทคโนโลยีมากพอที่จะผันตัวเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ได้ไม่ยาก แต่เนื่องจากเป็นชาติเดียวในโลกที่เคยสัมผัสกับอานุภาพทำลายล้างของระเบิดนิวเคลียร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่จึงยังคงต่อต้านอาวุธมหาประลัยชนิดนี้

อย่างไรก็ตาม คำประกาศของ ทรัมป์ ก็กลายเป็นกระแสฮือฮาในสื่อทั่วโลก โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ โยมิอุริ ชิมบุน ของญี่ปุ่นซึ่งระบุว่า เรื่องนี้สร้างความกังวลต่อรัฐบาลโตเกียวมากพอสมควร

“ถ้าเขาได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ จริงๆ อาจสร้างปัญหาใหญ่ต่อนโยบายด้านความมั่นคงระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่น” โยมิอุริ ชิมบุน อ้างคำพูดของแหล่งข่าวใกล้ชิดรัฐบาล

สื่อแดนโสมขาวก็บอกในทำนองเดียวกันว่า คำพูดของ ทรัมป์” เป็นสิ่งที่น่าตกตะลึงและอันตราย

หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ จุงอัง-เดลี เขียนในบทบรรณาธิการว่า “มุมมองที่แสนจะคับแคบเช่นนี้แสดงให้เห็นว่า เขายังขาดความเข้าใจในเรื่องความเป็นหุ้นส่วน และปัญหาความมั่นคง”

“วิสัยทัศน์ที่คับแคบของผู้สมัครตัวเต็งคนนี้ทำให้เราถึงกับพูดไม่ออก”

แม้แต่ในสหรัฐฯ เองก็คงยากที่จะหาผู้สนับสนุนแนวคิดให้เกาหลีใต้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ เพราะถือว่าละเมิดหลักการสากลที่ไม่ยอมรับให้มีมหาอำนาจนิวเคลียร์รายใหม่เกิดขึ้นในโลก

ทรัมป์ ชี้ว่า การส่งเสริมให้เกาหลีใต้และญี่ปุ่นมีอาวุธนิวเคลียร์ถือว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เนื่องจากทั้งสองชาติต่างก็ต้องพึ่งระบบคุ้มกันนิวเคลียร์ (nuclear umbrella) ของสหรัฐฯ เพื่อรับมือภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ รวมถึงต้านทานอิทธิพลจีน

มหาเศรษฐีปากเปราะยังประกาศจะถอนทหารอเมริกันออกจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ หากชาติพันธมิตรทั้งสองไม่เพิ่มเงินอุดหนุนในการคงทหารอเมริกันเอาไว้

กำลังโหลดความคิดเห็น