รอยเตอร์ / เอเจนซีส์ / MGR online – ข้อมูลจากผลการสำรวจล่าสุดขององค์กรการกุศล ที่มีจุดยืนต่อต้านการค้ามนุษย์ชี้ 1 ใน 4 ของผู้พลัดถิ่นภายในประเทศของเคนยา กลายเป็นเหยื่อหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกล่อลวงไปเป็นแรงงานทาสหรือถูกบังคับล่วงละเมิดทางเพศในภูมิภาคตะวันออกกลาง
รายงานข่าวในวันอังคาร (22 มี.ค.) ซึ่งอ้างผลการสำรวจขององค์กรต่อต้านการค้ามนุษย์ชื่อดังของเคนยาอย่างองค์กร “HAART” ระบุว่า ผู้พลัดถิ่นภายในประเทศของเคนยาส่วนใหญ่ เป็นเหยื่อของความรุนแรง ที่ปะทุขึ้นภายหลังจากการเลือกตั้งอื้อฉาวในช่วงระหว่างปี 2007 – 2008 ซึ่งความรุนแรงในช่วงเวลาดังกล่าว ได้บีบให้ผู้คนจำนวนมากต้องหนีตายออกจากบ้านเรือนของตนสู่ท้องถนน หรือตามตลาดการค้าท้องถิ่น และทำให้ง่ายต่อการถูกล่อลวงโดยสมาชิกขบวนการค้ามนุษย์
“พวกแก๊งค้ามนุษย์มักเลือกเหยื่อที่กำลังท้อแท้สิ้นหวังกับชีวิต และมักหลอกลวงพวกเขาเหล่านี้โดยอ้างถึงตำแหน่งงานหรือโอกาสเข้าเรียนในสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่ไม่มีอยู่จริง” รายงานส่วนหนึ่งขององค์กร HAART ระบุ
ผลสำรวจพบว่า พวกสมาชิกแก๊งค้ามนุษย์ราวร้อยละ 88 จะอ้างตัวว่าเป็นเอเยนต์จัดหางาน และราว 2 ใน 3 ของผู้ตกเป็นเหยื่อจะเป็นผู้หญิง ซึ่งจะถูกส่งตัวต่อไปยังซาอุดีอาระเบียและอีกหลายประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง เพื่อเป็นแรงงานทาส หรือถูกบีบบังคับให้เข้าสู่ธุรกิจค้าบริการทางเพศ
การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งอื้อฉาวของเคนยาในช่วงระหว่างปี 2007 – 2008 ถูกระบุว่า เป็นหนึ่งในวิกฤตทางการเมืองครั้งเลวร้ายที่ทำให้มีผู้อพยพพลัดถิ่นภายในประเทศมากกว่า 600,000 ราย โดยที่ในปัจจุบันคนกลุ่มนี้จำนวนไม่น้อยกว่า 250,000 รายยังคงต้องพักอาศัยในค่ายพักชั่วคราวและไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน
ทั้งนี้ รัฐบาลเคนยาเพิ่งประกาศเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่าจะจัดสรรงบประมาณจำนวน 9.9 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้พลัดถิ่นภายในประเทศราว 5,000 รายให้ได้เข้าสู่โครงการตั้งถิ่นฐานใหม่ และประกาศจะใช้มาตรการทางกฏหมายอย่างมีประสิทธิภาพในการยกระดับกวาดล้างขบวนการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง