เอเจนซีส์ - นายกฯ หลี่ เค่อเฉียง ยืนยันเศรษฐกิจจีนจะไม่ทรุดตัวรุนแรง พร้อมฟื้นความมั่นใจของนักลงทุนว่าปักกิ่งสามารถจัดการการเติบโตที่ชะลอลงได้ ในส่วนความสัมพันธ์กับนานาชาตินั้น ผู้นำแดนมังกรย้ำว่าจีนต้องการและพร้อมร่วมมือกับทุกชาติในการรักษาความสงบและสันติภาพภายในภูมิภาค รวมทั้งพร้อมพัฒนาความสัมพันธ์กับอเมริกา ไม่ว่าใครจะได้ครองทำเนียบขาวในศึกเลือกตั้งปลายปีก็ตาม
หลี่กล่าวระหว่างการแถลงข่าวประจำปีภายหลังสิ้นสุดการประชุมเต็มคณะของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ หรือรัฐสภาของจีน เมื่อวันพุธ (16 มี.ค.) ว่า จีนมีความเชื่อมั่นระยะยาวในเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นความเชื่อมั่นอย่างมีเหตุผล
ช่วงหลายสัปดาห์มานี้ปักกิ่งพยายามส่งข้อความเพื่อฟื้นความเชื่อมั่น หลังจากในปี 2015 อัตราเติบโตทำสถิติต่ำสุดในรอบ 25 ปี ที่ 6.9% ส่งผลให้เกิดความกังวลในทั่วโลก และยังฉุดให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดิ่งลง
หลี่ลดเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ให้อยู่ในแถบช่วง 6.5%-7% ขณะที่มูดี้ส์ก็ได้ลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้จีนลงเช่นกัน
นอกจากนั้น ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาจีนยังอัดฉีดเงินหลายพันหลายหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อปกป้องราคาหุ้นและค่าเงินหยวน ทำให้เกิดข้อสงสัยถึงความมุ่งมั่นของแดนมังกรในการปฏิรูปตามแนวทางตลาด
หลี่ยอมรับว่ารัฐบาลจีนยังเข้าควบคุมบางสิ่งที่ไม่ควรควบคุม และกลายเป็นการบั่นทอนความสามารถในการผลิต รวมทั้งยอมรับว่าบรรดาผู้นำไม่สามารถรับประกันให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรมในประเทศได้
กระนั้น นายกรัฐมนตรีจีนสำทับว่าเศรษฐกิจจะไม่ทรุดตัวรุนแรง ตราบที่จีนยึดมั่นกับการปฏิรูปและการเปิดตลาด
“เศรษฐกิจจีนมีทั้งความหวังและอุปสรรค หากเรามองในแง่พื้นฐานและแนวโน้มโดยรวมจะเห็นว่าความหวังมีมากกว่าอุปสรรค” หลี่ย้ำ
การแถลงข่าวครั้งนี้ซึ่งผู้สื่อข่าวต้องส่งคำถามที่จะถามให้ทางการล่วงหน้า มีขึ้นหลังจากรัฐสภาอนุมัติแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมสำหรับช่วง 5 ปีข้างหน้าและผ่านกฎหมายมูลนิธิ โดยในส่วนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมนั้นกำหนดเป้าหมายการขยายตัวประจำปีไว้อย่างน้อยที่ 6.5% ระหว่างปี 2016-2012 ซึ่งบ่งบอกเป็นนัยว่า สำหรับบางปีอาจมีการลดเป้าหมายลง
ขณะเดียวกัน ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเริ่มก่อปัญหาทางสังคม รายงานระบุว่า มีคนงานเหมืองหลายพันคนประท้วงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเนื่องจากไม่ได้รับค่าแรง มิหนำซ้ำยังกังวลว่าจะมีการลอยแพคนงานครั้งใหญ่ขณะที่รัฐบาลพยายามปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมของรัฐ
เจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพยากรบุคคลและความมั่นคงทางสังคมผู้หนึ่งเปิดเผยเมื่อเดือนที่แล้วว่า รัฐบาลมีแผนปลดคนงานในภาคเหล็กกล้าและถ่านหินออกราว 1.8 ล้านคน
หลี่พยายามคลายความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้วยการยอมรับว่ารัฐบาลเลือกปฏิรูปอุตสาหกรรมสองแขนงดังกล่าว และพยายามหลีกเลี่ยงการปลดพนักงานครั้งใหญ่ แต่สำทับว่า หากจำเป็นรัฐบาลพร้อมเพิ่มกองทุนเพื่อช่วยเหลือแรงงานที่ถูกปลด นอกเหนือจากที่ประกาศไปแล้ว 100,000 ล้านหยวน (15,300 ล้านดอลลาร์) ในเดือนที่ผ่านมา
ในส่วนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น หลี่ไม่คิดว่ามีความขัดแย้งระหว่างการยืนกรานปกป้องอธิปไตยในดินแดนของตนในทะเลจีนใต้ กับเป้าหมายในการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในเอเชีย-แปซิฟิก
หลี่เสริมว่า จีนไม่เดือดร้อนที่อเมริกายังคงมีกำลังทหารประจำการอยู่ในภูมิภาค แม้ในอดีตเคยมองว่า วอชิงตัน แคนเบอร์รา และประเทศอื่นๆ เป็นผู้บุกรุกทะเลจีนใต้ก็ตาม
“จีนสามารถร่วมมือกับประเทศในเอเชีย-แปซิฟิก และจัดการกับข้อขัดแย้งระหว่างกัน”
ท่าทีของหลี่ถือว่าผ่อนคลายลงมากเมื่อเทียบกับคำแถลงในสภาของหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่เตือนว่าปักกิ่งจะไม่ยอมให้ชาติอื่นละเมิดอธิปไตยในทะเลจีนใต้ รวมทั้งปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าจีนเพิ่มแสนยานุภาพทางทหารด้วยการสร้างเกาะเทียมและสนามบินในน่านน้ำดังกล่าว พร้อมกล่าวหากลับว่าอเมริกาต่างหากที่กำลังสะสมกำลังพลในทะเลจีนใต้
แม้ไม่ได้พาดพิงถึงความขัดแย้งโดยตรง แต่หลี่ยืนยันว่าจีนต้องการความสงบเรียบร้อยและความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้าน และว่า ความขัดแย้งสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีการทางการทูต รวมทั้งแสดงความหวังว่าประเทศทั้งในและนอกภูมิภาคจะพยายามมากขึ้นในการรักษาเสถียรภาพ แทนที่จะบ่อนทำลาย ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
หลี่ปิดท้ายว่า ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ จะยังคงพัฒนาต่อไป ไม่ว่าใครจะได้รับเลือกตั้งเป็นประมุขทำเนียบขาวคนต่อไปในปลายปีนี้ก็ตาม
ทั้งนี้ ตัวเก็งผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากทั้งสองพรรคล้วนแต่เปิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์จีน เช่น โดนัลด์ ทรัมป์ จากรีพับลิกัน กล่าวหาปักกิ่งขโมยงานจากคนอเมริกัน และอวดอ้างว่าตัวเองเป็นนักเจรจาตัวฉกาจที่จะทำให้ปักกิ่งต้องยอมสยบ
ด้าน ฮิลลารี คลินตัน จากเดโมแครต กล่าวหาจีนเมื่อต้นเดือนขณะที่เศรษฐกิจแดนมังกรกำลังชะลอตัวว่า จีนจะใช้แนวทางที่สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้น