xs
xsm
sm
md
lg

“EU - คิวบา” ลงนามข้อตกลงฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตสู่ระดับปกติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เฟเดริกา โมเกรินี ประธานฝ่ายกิจการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคงของสหภาพยุโรป และรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป จับมือทักทายกับ บรูโน โรดริเกวซ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศคิวบา ที่กระทรวงการต่างประเทศ กรุงฮาวานา เมื่อวันที่ 11 มี.ค.
เอเอฟพี - สหภาพยุโรป (อียู) และ คิวบา ลงนามข้อตกลงฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตสู่ระดับปกติเมื่อวันศุกร์ (11 มี.ค.) รวมถึงข้อตกลงว่าด้วยประเด็นสิทธิมนุษยชน ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ ก่อนที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ จะเดินทางเยือนเกาะในทะเลแคริบเบียนแห่งนี้อย่างเป็นทางการ

การฟื้นฟูความสัมพันธ์ครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จที่เกิดจากการเจรจานานเกือบ 2 ปี และเป็นพัฒนาการอีกขั้นที่จะทำให้รัฐคอมมิวนิสต์คิวบาพ้นจากถูกโดดเดี่ยวโดยโลกตะวันตก

ผู้นำสหรัฐฯ มีกำหนดเดินทางเยือนคิวบาระหว่างวันที่ 21 - 22 มี.ค. เพื่อตอกย้ำถึง “การคืนดี” ที่ตนและประธานาธิบดี ราอูล คาสโตร แห่งคิวบาได้แถลงร่วมกันไว้ เมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2014

โอบามา และ คาสโตร สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก หลังประกาศถ้อยแถลงร่วมกันเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ปี 2014 ว่า สหรัฐฯ และ คิวบา ซึ่งเป็นอริกันมาตั้งแต่ยุคสงครามเย็น จะกลับมาเชื่อมความสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้นไปในปี 1961

“นี่คือก้าวสำคัญในความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเรา” เฟเดริกา โมเกรินี ประธานฝ่ายนโยบายต่างประเทศของอียู กล่าวในพิธีลงนามข้อตกลงที่กรุงฮาวานา

“ข้อตกลงนี้จะเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ของความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี” เธอกล่าวเสริม ก่อนจะเดินทางเข้าพบประธานาธิบดี คาสโตร

ตลอดเวลาที่ผ่านมา คิวบาเป็นประเทศเดียวในละตินอเมริกาที่ยังไม่มีข้อตกลงความร่วมมือกับกลุ่มสหภาพยุโรป 28 ประเทศ

อียูประกาศคว่ำบาตรและระงับความร่วมมือกับคิวบาเมื่อปี 2003 เพื่อตอบโต้การปราบปรามผู้สื่อข่าวและนักเคลื่อนไหว นอกจากนี้ยังประกาศใช้นโยบายต่างประเทศที่มุ่งส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในคิวบามาตั้งแต่ปี 1996

รัฐบาลคิวบาออกมาปฏิเสธ “จุดยืนร่วม” (common position) ของอียู และติเตียนว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายใน

“ข้อตกลงฉบับนี้ถือเป็นการสิ้นสุดจุดยืนร่วมดังกล่าว” โมเกรินี ระบุ

ข้อตกลงฟื้นฟูความสัมพันธ์กับคิวบาจะมีผลบังคับใช้หลังจากที่รัฐสภายุโรปให้การรับรอง และยังไม่มีการเผยแพร่เนื้อหาให้สาธารณชนรับทราบ

ถ้อยแถลงจากทั้ง 2 ฝ่าย ระบุว่า ข้อตกลงนี้จะเป็นประตูไปสู่ความสัมพันธ์ที่มีรากฐานบน “ความเคารพ การพึ่งพาอาศัยกัน และการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วม”

สหภาพยุโรปเคยประกาศไว้ว่า จะพยายามหาแนวทางสร้างสรรค์เพื่อโน้มน้าวให้ฮาวานาและรัฐบาล คาสโตร ยอมเซ็นข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยเรื่องสิทธิมนุษยชน

โจอาควิน รอย นักวิเคราะห์การเมืองจากมหาวิทยาลัยไมอามี มองว่า ข้อตกลงฉบับนี้เป็นประโยชน์กับทั้งอียูและคิวบา

“คิวบาจะเป็นที่น่าเชื่อถือมากขึ้นในเวทีโลก ส่วนอียูก็จะได้ปลดเปลื้องภาระ เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยได้ประโยชน์อะไรจากจุดยืนร่วมเลย” เขาให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี

อียูและคิวบาเริ่มต้นเจรจาฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตในเดือน เม.ย. ปี 2014 และได้บรรลุข้อตกลงทางการค้าไปแล้วฉบับหนึ่ง

แม้จะอียูจะตัดขาดความสัมพันธ์ทางการทูตกับคิวบา แต่รัฐสมาชิกอียูบางประเทศก็เลือกที่จะคงความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคีเอาไว้ ซึ่งการค้าขายในระดับทวิภาคีนี้เองทำให้อียูเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของคิวบา รองจากเวเนซุเอลา โดยมีมูลค่าการค้าระหว่างกันสูงถึง 2,600 ล้านยูโรในปี 2013

กำลังโหลดความคิดเห็น