เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - จำนวนชาวคิวบาที่เดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศเพิ่มจำนวนสูงขึ้นถึง 23.7 เปอร์เซ็นต์เมื่อปี 2014 ที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐบาลคอมมิวนิสต์คิวบาผ่อนปรนข้อจำกัดด้านการเดินทางแก่ประชาชนของตน
รายงานข่าวล่าสุดในวันอาทิตย์ (16 ส.ค.) ซึ่งมีการตีพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ “ฮูเบนตุด เรเบลเด” โดยอ้างข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของคิวบา ระบุว่า ในปีที่แล้วชาวคิวบาราว 355,000 คนได้เดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ ถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นจาก 287,000 คนของเมื่อปี 2013
ขณะเดียวกัน จำนวนชาวคิวบาที่เดินทางออกจากเกาะคอมมิวนิสต์กลางทะเลแคริบเบียนแห่งนี้เพื่อไปเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศในรูปแบบ “non-business travel” เมื่อปีที่แล้วได้เพิ่มสูงขึ้นถึง 66.7 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวน 213,000 คนของเมื่อปื 2012
การเพิ่มจำนวนของชาวคิวบาที่เดินทางไปท่องเที่ยวยังต่างแดนถูกระบุว่า เป็นผลพวงโดยตรงจากการที่รัฐบาลคิวบายอมผ่อนคลายความเข้มงวดต่อข้อจำกัดด้านการเดินทางของประชาชนเมื่อปี 2013 ที่อนุญาตให้ชาวคิวบาสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศได้
ทั้งนี้ นับตั้งแต่การปฏิวัติคิวบาเมื่อปี 1959 รัฐบาลฮาวานาได้ออกระเบียบเข้มงวดห้ามพลเมืองของตนเดินทางไปต่างประเทศในทุกกรณี ยกเว้นการเดินทางไปแข่งขันกีฬาในนามของทีมชาติ และการเดินทางของเหล่าเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อไปร่วมการประชุมในต่างแดนเท่านั้น
จากความเข้มงวดดังกล่าว บวกกับสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ และการปกครองที่ไร้เสรีภาพส่งผลให้ชาวคิวบาจำนวนไม่น้อย หลบหนีออกนอกประเทศโดยทางเรือหรือแพที่ต่อขึ้นเอง เพื่อมุ่งหน้าไปขอลี้ภัยในสหรัฐอเมริกา แม้จะต้องเสี่ยงเอาชีวิตไปทิ้งกลางทะเลก็ตาม
ทั้งนี้ ในปัจจุบันจำนวนผู้อพยพชาวคิวบาในสหรัฐฯ ืถูกระบุว่ามีมากกว่า 1.2 ล้านคน และในแต่ละปีรัฐบาลอเมริกันได้ออกวีซ่าผู้อพยพให้แก่ชาวคิวบาราว 20,000 คนต่อปี รวมถึงออกวีซ่าแบบชั่วคราวให้ชาวคิวบาอีกปีละ 30,000 คน
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ และคิวบาประกาศฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน หลังดำเนินนโยบายมองกันและกันเยี่ยงศัตรูมานานถึงครึ่งศตวรรษตั้งแต่ยุคสงครามเย็น