เอเอฟพี – สหรัฐฯ และคิวบาบรรลุข้อตกลงเปิดสถานทูตทั้งในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และกรุงฮาวานา ซึ่งถือเป็นพัฒนาการสำคัญที่จะช่วยยุติความบาดหมางระหว่าง 2 เพื่อนบ้านที่กินเวลายาวนานหลายสิบปีตั้งแต่ยุคสงครามเย็น แหล่งข่าวในสหรัฐฯ เผยเมื่อวานนี้ (30 มิ.ย.)
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่า “รัฐบาลทั้งสองจะประกาศอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (1) เกี่ยวกับข้อตกลงรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ และการเปิดสถานทูตขึ้นในเมืองหลวงของทั้ง 2 ประเทศ”
ทั้งนี้ คาดว่าประธานาธิบดี บารัค โอบามา จะเปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับความสำเร็จทางการทูตครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในช่วงเวลา 7 ปีที่เขาเป็นผู้นำสหรัฐฯ ที่สวนกุหลาบภายในทำเนียบขาว เวลา 11.00 น. (22.00 น. ตามเวลาในไทย)
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับคิวบาถูกแช่แข็งมานานถึง 50 ปี นับตั้งแต่ปฏิบัติการบุกอ่าวหมู (Bay of Pigs invasion) ของสหรัฐฯ เรื่อยมาจนถึงวิกฤตขีปนาวุธในคิวบา ซึ่งล้วนก่อความตึงเครียดในช่องแคบฟลอริดาจนเสี่ยงจะทำให้สงครามเย็นต้องร้อนระอุขึ้น
อย่างไรก็ดี การเจรจาในเชิงลับนาน 18 เดือนระหว่างผู้ช่วยทั้ง 2 ฝ่ายก็เป็นผลทำให้ โอบามา และประธานาธิบดี ราอูล คาสโตร แห่งคิวบา ออกมาประกาศรื้อฟื้นความสัมพันธ์กันได้เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
ผู้นำทั้ง 2 ประเทศได้พบปะอย่างเป็นทางการครั้งแรกที่ปานามาเมื่อเดือนเมษายน จากนั้นสหรัฐฯ ก็ยื่นไมตรีด้วยการถอดคิวบาออกจากรายชื่อประเทศที่สนับสนุนลัทธิก่อการร้าย ซึ่งทางคิวบาเองได้ประท้วงเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 1982 เนื่องจากการถูกขึ้นบัญชีดำส่งผลกระทบต่อโอกาสทางการค้าของคิวบา
ผลสำรวจในสหรัฐฯ พบว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแผนฟื้นสัมพันธ์กับคิวบา
วอชิงตันบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรการค้ากับคิวบามาตั้งแต่ปี 1962 ซึ่งพรรครีพับลีกันก็คัดค้านไม่ให้รัฐบาลยกเลิกบทลงโทษนี้
ข้อจำกัดในการเดินทางข้ามแดนและการสื่อสารเริ่มผ่อนคลายลงมาก วงออเคสตราจากอเมริกาได้เดินทางไปทัวร์คิวบาเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ขณะที่เว็บไซต์จองที่พัก Airbnb ก็เข้าไปเปิดตลาดบนเกาะในทะเลแคริบเบียนซึ่งปกครองด้วยพรรคคอมมิวนิสต์แห่งนี้
ทำเนียบขาวเคยออกมาระบุความเป็นไปได้ที่ โอบามา จะไปเยือนคิวบา ก่อนหมดวาระบริหารประเทศในปี 2017