‘ฮิลลารี’ ชนะขาด ‘แซนเดอร์ส’ ในเซาท์แคโรไลนา เพิ่มความแข็งแกร่งก่อนถึง ‘ซูเปอร์ทิวสเดย์’ อังคารนี้

รอยเตอร์ - ฮิลลารี คลินตัน ชนะขาดลอย เบอร์นี แซนเดอร์ส คู่แข่งขันเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งขั้นต้นแบบไพรมารีที่มลรัฐเซาท์แคโรไลนาวันเสาร์ (27 ก.พ.) ที่ผ่านมา โดยทำคะแนนทิ้งห่างถึงเกือบ 50% เมื่อผู้ออกเสียงชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกาพากันโหวตให้ กลายเป็นกระแสขับดันให้เธอโลดลิ่วเข้าสู่การชิงชัยช่วงสำคัญยิ่งใน “ซูเปอร์ ทิวสเดย์” วันอังคาร (1 มี.ค.) ที่จะถึงนี้

การปราชัยยับเยินของแซนเดอร์สเช่นนี้ทำให้คลินตันอยู่ในฐานะมั่นคงขึ้นมาก ในการเป็นตัวเก็งที่แข็งแกร่งเพื่อให้ได้รับการเสนอชื่อจากที่ประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตในเดือนกรกฎาคม เข้าชิงชัยในการเลือกตั้งวันที่ 8 พฤศจิกายน และทำให้เธอกลายเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯตามที่เธอมาดหมายไว้

หลังจากการนับคะแนนผลเลือกตั้งขั้นต้นแบบไพรมารีในเซาท์แคโรไลนา ผ่านไปกว่า 95% คลินตันนำแซนเดอร์สอยู่ราว 48% อันเป็นสถานการณ์ซึ่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับศึกไพรมารีในรัฐภาคใต้แห่งนี้เมื่อปี 2008 ซึ่งเธอต้องพ่ายแพ้ได้เสียงน้อยกว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา 28%

การที่อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศหญิงผู้นี้ สามารถสร้างคะแนนนิยมอันเข้มแข็งในหมู่ผู้ออกเสียงผิวดำ ซึ่งเป็นฐานเสียงโหวตที่สำคัญอย่างยิ่งกลุ่มหนึ่งของพรรคเดโมแครต ทำให้เธออยู่ในฐานะได้เปรียบใน “ซูเปอร์ ทิวสเดย์” ซึ่งจะมีการจัดเลือกตั้งขั้นต้นพร้อมๆ กันในสิบกว่ามลรัฐ ในจำนวนนี้ 6 รัฐเป็นรัฐทางภาคใต้ซึ่งมีประชากรผิวดำอยู่มาก

ภายหลังแนวโน้มเสียงโหวตออกมาว่าเธอเป็นผู้ชนะอย่างเด็ดขาด คลินตันแสดงท่าทีว่ามุ่งมองไปข้างหน้าสู่การชิงชัยที่เธอมีโอกาสสูงที่จะลงแข่งขันกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวเก็งของพรรครีพับลิกัน ซึ่งใช้คำขวัญหลักในการรณรงค์หาเสียงของตนว่า “ทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง” (Make America Great Again) รวมทั้งให้สัญญาที่จะสร้างกำแพงบริเวณชายแดนติดต่อกับเม็กซิโกเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อพยพหลบหนีเข้ามา

“ถึงแม้จะมีคนพูดกรอกหูพวกคุณ แต่เราไม่ได้จำเป็นต้องทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้งหรอก อเมริกานั้นยิ่งใหญ่อยู่แล้วอย่างไม่เคยหยุดยั้งเลย” เธอกล่าวกับพวกผู้สนับสนุนซึ่งส่งเสียงเชียร์ลั่นที่เมืองโคลัมเบียภายหลังทราบว่าชนะที่เซาท์แคโรไลนาแน่ “แทนที่จะสร้างกำแพง พวกเราจำเป็นที่จะต้องทุบทำลายเครื่องขวางกั้นต่างๆ ลงไปต่างหาก”

ผลการลงคะแนนคราวนี้หมายความว่า คลินตัน ได้ชัยชนะเป็นรัฐที่ 3 ในการแข่งขันเลือกตั้งขั้นต้น 4 มลรัฐแรกของพรรคเดโมแครต และก่อให้เกิดคำถามเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับตัวแซนเดอร์ส วุฒิสมาชิกสหรัฐฯจากรัฐเวอร์มอนต์ ผู้ประกาศตัวเองเป็นนักสังคมนิยมประชาธิปไตย ว่าจะสามารถขยายกระแสสนับสนุนให้เลยไกลออกไปจากฐานเดิมของเขาที่เกือบทั้งหมดเป็นพวกเสรีนิยมผิวขาวและคนวัยหนุ่มสาว

แซนเดอร์ส ผู้ปลุกพลังความคึกคักให้แก่ปีกเสรีนิยมของเดโมแครต และสามารถนำพาให้คนหนุ่มสาวเกิดความสนใจเข้ามาร่วมการรณรงค์เลือกตั้ง ด้วยการกล่าวโจมตีความไม่เสมอภาคระหว่างคนรวยคนจน และอำนาจอิทธิพลอันล้นฟ้าของวอลล์สตรีท จำเป็นที่จะต้องเอาชนะแบบชนิดผ่าทางตันในรัฐสำคัญๆ อย่างน้อยสักมลรัฐหนึ่งในช่วงสองสามสัปดาห์ต่อจากนี้ไป หากจะรักษาความหวังที่จะได้ชัยชนะในท้ายที่สุดของเขาเอาไว้ให้ได้

“ประตูกำลังปิดลงอย่างรวดเร็วสำหรับเบอร์นี แซนเดอร์ส” คริส คอฟินิส นักยุทธศาสตร์ของเดโมแครตที่มิได้เข้าร่วมกับการรณรงค์ของค่ายใด กล่าวให้ความเห็น และอธิบายว่า พวกที่ลงแข่งขันโดยเป็นตัวแทนของขบวนการเคลื่อนไหวหนึ่งขบวนการใดอย่างเช่นแซนเดอร์สนั้น ต้องรักษาแรงโมเมนตัมและความตื่นเต้นเอาไว้ให้ได้ โดยที่ความพ่ายแพ้จะบั่นทอนโมเมนตัมดังกล่าว และนี่คือปัญหาของแซนเดอร์สในขณะนี้

ผลเอ็กสิตโพลในเซาท์แคโรไลนา แสดงให้เห็นว่าคลินตันสามารถคว้าชัยชนะได้อย่างใหญ่โตในหมู่ผู้ออกเสียงแทบทุกกลุ่ม โดยเธอได้เสียงผู้ลงคะแนนชาวผิวดำ 9 ใน 10 คน รวมทั้งชนะงดงามในกลุ่มผู้ออกเสียงที่เป็นหญิง, ชาย, ผู้อยู่ในเขตเมือง, ผู้อยู่แถบชานเมือง, ผู้อยู่ในชนบท, ผู้ที่มีหัวเสรีนิยมมาก และผู้ที่เป็นอนุรักษนิยม ขณะที่แซนเดอร์สมีชัยเฉพาะในกลุ่มผู้ออกเสียงอายุระหว่าง 18 ถึง 29 ปี, และในกลุ่มชายผิวขาว

ค่ายของคลินตันหวังที่จะชนะแบบเริ่ดๆ ในเซาท์แคโรไลนา หลังจากมีชัยแบบยังไม่ขาดที่รัฐไอโอวา และเนวาดา อีกทั้งพ่ายแพ้อย่างชัดเจนต่อแซนเดอร์สในนิวแฮมป์เชียร์ ทั้งนี้เพื่อทำให้เธออยู่ในฐานะโดดเด่นในการเลือกตั้งซูเปอร์ทิวสเดย์ ซึ่งรวมกันแล้วจะเป็นการช่วงชิงตัวแทนที่จะไปร่วมการประชุมใหญ่พรรคเป็นจำนวนราว 875 คน เท่ากับกว่า 1 ใน 3 ของคะแนนที่ต้องการเพื่อให้ชนะได้เป็นผู้สมัครของพรรคทีเดียว