รอยเตอร์ / เอเจนซีส์ / MGR online - องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกโรงเตือนในวันเสาร์ (27 ก.พ.) โดยระบุภัยแล้งที่เป็นผลพวงจากปรากฏการณ์เอลนีโญ กำลังเป็นภัยคุกคามชะตากรรมและความอยู่รอดของประชาชนกว่า 300,000 รายในประเทศสวาซิแลนด์
รายงานข่าวล่าสุดซึ่งอ้างสำนักงานสหประชาชาติ เพื่อการประสานงานกิจการด้านมนุษยธรรม (UN Office for the Coordination of Humanitarian Affairs : OCHA) รวมถึงถ้อยแถลงของสเตฟาน ดูยาร์ริช โฆษกยูเอ็นระบุว่า ภัยแล้งที่เป็นผลพวงจากปรากฏการณ์เอลนีโญกำลังส่งผลทำให้ประชาชนอย่างน้อย 300,000 ราย หรือราว 1 ใน 3 ของประชากรสวาซิแลนด์ทั้งประเทศ ตกอยู่ในภาวะที่ต้องการรับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน ทั้งจากภาวะอดอยากขาดอาหาร และเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรคที่มากับน้ำหลายชนิด
ท่าทีล่าสุดของสหประชาชาติ สอดคล้องกับการร้องขอความช่วยเหลือทางการเงินของรัฐบาลสวาซิแลนด์จำนวน 80.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากประชาคมโลกก่อนหน้านี้ เพื่อนำมาใช้จัดหาความช่วยเหลือที่จำเป็นในเบื้องต้นและลดทอนผลกระทบที่เลวร้ายด้านมนุษยธรรม ขณะที่ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างเลโซโธ มาลาวี แอฟริกาใต้ และซิมบับเว ต่างก็กำลังเผชิญกับสถานการณ์ด้านภัยแล้งและวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายไม่แตกต่างกัน
เมื่อช่วงกลางเดือน กองทุนเด็กแห่ง สหประชาชาติ หรือองค์การยูนิเซฟ ออกคำเตือนเด็กเกือบ 1 ล้านคนในภูมิภาคแอฟริกาตะวันออกและแอฟริกาตอนใต้กำลังทนทุกข์กับภาวะขาดอาหารขั้นรุนแรง ซึ่งเป็นผลพวงจากภัยแล้งที่กำลังจะทำให้ยอดผู้ได้รับผลกระทบเพิ่มจำนวนขึ้นอีกหลายล้านคน
เมื่อ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา เลลา การากอซลู ปัคคาลา ผู้อำนวยการยูนิเซฟประจำภูมิภาคแอฟริกาตะวันออกและแอฟริกาตอนใต้ เตือนว่าเด็กๆ ในภูมิภาคกำลังเผชิญกับภาวะความอดอยากแบบสุดขั้ว จากภาวะความขาดแคลนทั้งอาหารและน้ำดื่ม รวมถึงราคาจำหน่ายสินค้าอาหารที่มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น
รายงานล่าสุดของทางยูนิเซฟยังระบุด้วยว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการเร่งเดินหน้าจัดหาความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม แก่ประชากรกลุ่มเสี่ยงดังกล่าวที่ถือเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากปรากฏการณ์เอลนีโญ
ทั้งนี้ ทางยูนิเซฟได้ตั้งเป้ายอดเงินบริจาคที่คาดว่าจะต้องนำไปใช้ในภารกิจนี้ใน ภูมิภาคแอฟริกากลาง และแอฟริกาตะวันออกเอาไว้ที่ 155 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ แต่ทางยูนิเซฟเพิ่งจัดหาเงินช่วยเหลือมาได้เพียง 15 เปอร์เซ็นต์ของยอดดังกล่าวเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่าผู้คนกว่า 49 ล้านคนที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา ตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้งจัดในปีนี้ โดยรายงานฉบับล่าสุดของโครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations World Food Program : WFP) ระบุว่าประชาชนราว 40 ล้านคน ที่อาศัยอยู่ในเขตชนบทของประเทศต่างๆ ทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา ถือเป็นประชากรกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้งจัดในปีนี้
นอกจากนั้น รายงานฉบับล่าสุดนี้ยังระบุว่า ผู้ที่สุ่มเสี่ยงจะได้รับผลกระทบยังรวมถึง “คนจนในเขตเมือง” อีก 9 ล้านคนในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้งแสนสาหัสในปี 2016 นี้ โดยที่ในจำนวนนี้มีกว่า 14 ล้านคนที่เริ่มเผชิญกับภาวะอดอยากขาดแคลนอาหารและน้ำที่เป็นผลพวงจากภัยแล้ง ในภูมิภาคแห่งนี้บ้างแล้ว
รายงานของโครงการอาหารโลกระบุว่า ภาวะความแห้งแล้งรุนแรงในภูมิภาคแอฟริกาตอนใต้ในปีนี้ เป็นผลพวงโดยตรงจาก ปรากฏการณ์ “เอลนีโญ” ที่มีความรุนแรงที่สุดในรอบ 35 ปี ซึ่งทำให้ภูมิภาคนี้ของกาฬทวีปเผชิญกับภาวะฝนแล้งที่สุดนับตั้งแต่ปี 1981 เป็นต้นมา สวนทางกับสภาพอากาศร้อนจัดที่ผลักอุณหภูมิให้พุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายปี
และเมื่อไม่มีฝน รายงานของโครงการอาหารโลกระบุ บรรดาพืชพรรณและผลิตผลทางการเกษตรทั้งหลายโดยเฉพาะข้าวและข้าวโพดต่างได้รับ ความเสียหาย กระทบต่อห่วงโซ่อาหารของประชากรนับล้านในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นที่ตั้งของหลายประเทศ ทั้ง เลโซโธ สวาซิแลนด์ แซมเบีย ซิมบับเว มาลาวี แอฟริกาใต้ อังโกลา โมซัมบิก นามิเบีย และบอตสวานา