รอยเตอร์/MGROnline - ทำเนียบขาวย้ำเตือนวานนี้ (26 ก.พ.) ให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน รักษาคำพูดที่ว่าจะไม่ขยายอิทธิพลทางทหารบนหมู่เกาะสแปรตลีย์ พร้อมเรียกร้องให้คำสัญญาดังกล่าวมีผลครอบคลุมไปถึงหมู่เกาะพิพาทอื่นๆ ในทะเลจีนใต้ด้วย
แดน คริเทนบริงก์ ที่ปรึกษาอาวุโสฝ่ายกิจการเอเชียของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ฝากคำพูดย้ำเตือนปักกิ่งในช่วงท้ายสัปดาห์ หลังจากเจ้าหน้าที่วอชิงตันได้กล่าวหาว่าจีนส่งระบบขีปนาวุธชนิดยิงจากพื้นดินสู่อากาศ ฝูงบินขับไล่ และระบบเรดาร์ความถี่สูง เข้าไปยังหมู่เกาะพาราเซลซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทระหว่างหลายประเทศ
เจ้าหน้าที่อเมริกันระบุว่า ประธานาธิบดีสีได้ให้คำมั่นระหว่างไปเยือนสหรัฐฯ เมื่อเดือน ก.ย.ปีที่แล้วว่า จีนจะไม่แพร่ขยายอิทธิพลทางทหารเข้าไปยังหมู่เกาะสแปรตลีย์ ทว่าหลังจากนั้น ปักกิ่งกลับแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการใช้หมู่เกาะนี้เพื่อประโยชน์ทางทหาร ไม่ว่าจะเป็นการสร้างทางวิ่งเครื่องบิน หรือนำเรดาร์เข้าไปติดตั้ง
สถานการณ์ในทะเลจีนใต้เริ่มทวีความตึงเครียด หลังมีกระแสข่าวว่าจีนนำระบบเรดาร์และฝูงเครื่องบินขับไล่เข้าไปประจำการที่เกาะวูดดี้ (Woody Island) ซึ่งอยู่ในอาณาเขตหมู่เกาะพาราเซล
หมู่เกาะพาราเซลตกอยู่ในความควบคุมของจีนมานานกว่า 40 ปี ทว่าไต้หวันและเวียดนามก็อ้างอธิปไตยเหนือหมู่เกาะแห่งนี้เช่นกัน
“คงจะเป็นการดี หากคำสัญญาของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ว่าจะไม่แพร่ขยายอิทธิพลทางทหาร จะมีผลครอบคลุมน่านน้ำทะเลจีนใต้ทั้งหมด” คริเทนบริงก์ กล่าวในเวทีเสวนาซึ่งจัดโดยศูนย์เพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ (Center for Strategic and International Studies - CSIS) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
“เราขอเรียกร้องให้มิตรสหายชาวจีนและชาติอื่นๆ ในภูมิภาค หลีกเลี่ยงการกระทำที่จะยั่วยุให้เกิดความตึงเครียด”
พล.ร.อ.แฮร์รี แฮร์ริส ผู้บัญชาการกองบัญชาการภาคแปซิฟิก (US Navy’s Pacific Command) แถลงต่อคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ว่า การกระทำของจีนอาจเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ด้านการปฏิบัติการ (operational landscape) ในทะเลจีนใต้ และสหรัฐฯ พร้อมที่จะตอบโต้โดยการส่งเรือออกลาดตระเวนเพื่อยืนยันเสรีภาพในการเดินเรือให้บ่อยขึ้น
คำแถลงของ แฮร์ริส มีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ไปเยือนอเมริกา
รัฐบาลจีนยืนยันว่า สิ่งอำนวยความสะดวกทางทหารที่จีนสร้างขึ้นบนหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ “ไม่ได้ขัดต่อกฎหมาย และเป็นเรื่องเหมาะสม” และเมื่อวันอังคาร (23) รัฐมนตรี หวัง อี้ ก็ได้เตือนเป็นนัยๆ ด้วยว่า ปักกิ่งไม่ต้องการเห็นเรือพิฆาตติดขีปนาวุธหรือเครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐฯ เข้าไปป้วนเปี้ยนใกล้เกาะเทียมอีก
คริเทนบริงก์ เรียกร้องให้จีนเคารพคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการถาวรที่กรุงเฮกเกี่ยวกับข้อพิพาททะเลจีนใต้ระหว่างปักกิ่งกับมะนิลา ซึ่งคาดว่าศาลจะประกาศคำตัดสินออกมาในช่วงปลายปีนี้
รัฐบาลฟิลิปปินส์หันไปพึ่งศาลอนุญาโตตุลาการถาวรซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1899 ให้ช่วยตัดสินข้อพิพาททะเลจีนใต้ โดยอ้างว่าปักกิ่งซึ่งเป็นภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (UN Convention on the Law of the Sea) กำลังละเมิดหลักการของอนุสัญญานี้ ขณะที่จีนนั้นอ้างว่าศาลอนุญาโตตุลาการถาวรไม่มีอำนาจตัดสิน และปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกระบวนการไต่สวน
จีนอ้างอธิปไตยเหนือน่านน้ำเกือบทั้งหมดในทะเลจีนใต้ โดยยึดแนวเส้นประ 9 เส้นที่ปรากฏอยู่ในแผนที่ของจีนมาตั้งแต่ทศวรรษ 1940 ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากเพื่อนบ้านหลายประเทศ
“คำพิพากษาของศาลจะมีผลบังคับต่อคู่กรณีทั้งสองฝ่าย... และนั่นคือช่วงเวลาสำคัญที่เราทุกชาติในภูมิภาคต้องจับตาดู” คริเทนบริงก์ กล่าว