รอยเตอร์ - ชาติมหาอำนาจมีมติเห็นชอบวันนี้ (12 ก.พ.) ให้ยุติการใช้ความรุนแรงในซีเรียโดยจะเริ่มภายใน 1 สัปดาห์ข้างหน้า และส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่ประชาชนที่ยังติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ทว่ายังไม่สามารถผลักดันข้อตกลงหยุดยิงอย่างสมบูรณ์ หรือยับยั้งปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียได้
ในการเจรจาพูดคุยแบบมาราธอนที่มิวนิก กลุ่มชาติมหาอำนาจ ซึ่งได้แก่ สหรัฐฯ รัสเซีย และอีกสิบกว่าประเทศ ต่างยืนยันเจตนารมณ์ที่จะสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในซีเรีย หากสถานการณ์ในพื้นที่คลายความรุนแรงลง
อย่างไรก็ตาม นักการทูตเตือนว่า จนถึงขณะนี้รัสเซียยังไม่แสดงท่าทีเห็นด้วยกับการเปลี่ยนตัวผู้นำซีเรียจากประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด เป็นบุคคลอื่น และยังคงหนุนหลังกองทัพซีเรียเรื่อยมา
จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยอมรับระหว่างแถลงข่าวว่า การประชุมที่มิวนิกยังคงได้แค่คำมั่นสัญญาบนแผ่นกระดาษเท่านั้น
“สิ่งที่เราจำเป็นต้องเห็นในอีก 2-3 วันข้างหน้าคือการลงมือปฏิบัติจริงในพื้นที่สู้รบ... หากปราศจากการผ่องถ่ายอำนาจทางการเมืองแล้ว สันติภาพก็ไม่มีวันเกิดขึ้นได้”
เคร์รี ย้ำว่า แผนยุติความรุนแรงนี้จะไม่ครอบคลุมไปถึงปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธ โดยเฉพาะรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่ยึดครองดินแดนกว้างขวางในอิรักและซีเรีย
เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ก็ยืนยันต่อสื่อมวลชนเช่นกันว่า มอสโกจะไม่หยุดทิ้งระเบิดในซีเรีย โดยอ้างว่าแผนระงับความรุนแรงที่ตกลงกันไม่ได้บังคับใช้กับพวกไอเอส หรือ “อัล-นุสรา” ซึ่งเป็นเครือข่ายอัลกออิดะห์
“กองกำลังทางอากาศของเราจะยังคงปฏิบัติภารกิจโจมตีองค์กรก่อการร้ายเหล่านี้ต่อไป”
สหรัฐฯ และพันธมิตรในยุโรปชี้ว่า การโจมตีทางอากาศของรัสเซียไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ผู้ก่อการร้ายอย่างที่มอสโกอ้าง แต่กลับทิ้งบอมบ์ใส่ฝ่ายกบฏซีเรียซึ่งต้องการโค่นล้ม อัสซาด มากกว่า
ลาฟรอฟ ย้ำเตือนให้ฟื้นฟูการเจรจาสันติภาพที่นครเจนีวาโดยเร็วที่สุด และขอให้กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรียทุกฝ่ายเข้าร่วมด้วย
อย่างไรก็ตาม ฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กลับตอกหน้ารัสเซียตรงๆ ว่า การสู้รบจะยุติได้ก็ต่อเมื่อรัสเซียหยุดโจมตีทางอากาศหนุนหลังทหารซีเรียให้รุกคืบขับไล่พวกกบฏ
องค์กรหลักของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรียมีท่าทีเห็นด้วยกับแผนระงับความรุนแรงนี้ แต่ก็ไม่วายเตือนว่า จะต้องรอดูว่าข้อตกลงจะได้ผลแค่ไหน ก่อนที่พวกเขาจะยอมกลับไปร่วมวงเจรจาสันติภาพกับผู้แทนรัฐบาลซีเรียที่เจนีวาอีกครั้ง
ดมิตรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีรัสเซีย ออกมาแถลงเตือนวานนี้ (11) ว่า ความขัดแย้งอาจลุกลามถึงขั้นฉุดไม่อยู่ หรือกลายเป็น “สงครามโลกครั้งที่ 3” หากชาติมหาอำนาจไม่สามารถเจรจาเพื่อยุติการสู้รบในซีเรียได้
สงครามกลางเมืองซีเรียซึ่งปะทุขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2011 คร่าชีวิตพลเมืองไปแล้วกว่า 250,000 คน และยังเป็นสาเหตุให้ชาวซีเรียหลายล้านคนต้องอพยพหนีตายไปต่างประเทศ ขณะที่สภาวะไร้ขื่อแปของบ้านเมืองก็ทำให้กลุ่มติดอาวุธอย่างไอเอสเรืองอำนาจขึ้นมาได้
นักการทูตฝรั่งเศสคนหนึ่งเตือนว่า “รัสเซียยืนยันว่าจะทิ้งบอมบ์ต่อไปเพื่อกำจัดกลุ่มก่อการร้าย แต่นั่นเท่ากับพวกเขาแบกรับความเสี่ยง เพราะได้ประกาศไปแล้วว่าจะยุติความรุนแรง ถ้าภายใน 1 สัปดาห์ข้างหน้าสถานการณ์ในซีเรียยังไม่ดีขึ้นเพราะรัสเซียทิ้งบอมบ์ละก็... พวกเขาต้องรับผิดชอบ”