เอเอฟพี - ผู้แทนสหประชาชาติประกาศ “ระงับ” การเจรจาสันติภาพซีเรียเอาไว้ชั่วคราวเมื่อวันพุธ (3 ก.พ.) หลังจากกองทัพของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียมีชัยชนะครั้งใหญ่เหนือพวกกบฏในจังหวัดอะเลปโป ขณะที่รัสเซียก็ยืนกรานจะไม่หยุดโจมตีทางอากาศ
สหรัฐฯ และฝรั่งเศสออกมาประณามการทิ้งระเบิดโดยเครื่องบินขับไล่รัสเซียรอบๆ เมืองอะเลปโป ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของซีเรีย โดย โลรองต์ ฟาเบียส รัฐมนตรีต่างประเทศเมืองน้ำหอมกล่าวหาดามัสกัสและฝ่ายสนับสนุนว่า “ทำลายกระบวนการสร้างสันติภาพ”
หลังการประชุมสันติภาพที่นครเจนีวาผ่านพ้นไปหลายวันโดยปราศจากความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรม สตัฟฟาน เดอ มิสตูรา ผู้แทนพิเศษยูเอ็นว่าด้วยกรณีปัญหาซีเรีย จึงประกาศให้ระงับการเจรจาเอาไว้ชั่วคราว
“ผมพูดเอาไว้ตั้งแต่วันแรกแล้วว่า ผมจะไม่สักแต่ว่าคุยเท่านั้น” เขาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน
“เพราะฉะนั้นผมจึงตัดสินใจหยุดการเจรจาไว้ชั่วคราว (จนถึงวันที่ 25 ก.พ.) แต่นี่ไม่ใช่จุดจบ หรือความล้มเหลวของการเจรจาสันติภาพ”
เดอ มิสตูรา เรียกร้องให้ทุกฝ่าย “ทำงาน” ให้มากกว่านี้ รวมถึงต่างชาติที่เข้าไปแทรกแซงความขัดแย้งในซีเรีย
ชาติมหาอำนาจที่พัวพันสงครามในซีเรียอยู่ต่างสนับสนุนกระบวนการเจรจาสันติภาพ เพื่อหาทางยุติสงครามกลางเมืองซึ่งคร่าชีวิตชาวซีเรียไปแล้วกว่า 260,000 คนในช่วง 5 ปีมานี้ โดยสภาวะไร้ขื่อแปที่เกิดขึ้นยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงอย่างรัฐอิสลาม (ไอเอส) สามารถเฟื่องฟูขึ้นมาได้
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการเจรจาระดับสูง (HNC) ซึ่งเป็นองค์กรกลางของฝ่ายต่อต้านอัสซาด ประกาศจะไม่หวนกลับมาที่นครเจนีวาอีก จนกว่าสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในพื้นที่สู้รบจะดีขึ้น
คำประกาศของผู้แทนยูเอ็นมีขึ้นหลังกองทัพซีเรียซึ่งได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียหนุนหลัง สามารถตัดเส้นทางลำเลียงเส้นสุดท้ายซึ่งเชื่อมฐานที่มั่นของกบฏในเมืองอะเลปโปกับชายแดนตุรกี
อะเลปโปเคยเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของซีเรีย แต่เวลานี้ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง โดยฝั่งตะวันตกถูกยึดครองโดยกลุ่มที่ภักดีต่อประธานาธิบดีอัสซาด ขณะที่ฝั่งตะวันออกตกเป็นของพวกกบฏ หลังการสู้รบได้ลุกลามมาถึงเมืองแห่งนี้เมื่อช่วงกลางปี 2012
ด้วยการสนับสนุนจากพวก “ฮิซบอลเลาะห์” กลุ่มนิกายชีอะห์ในเลบานอนที่มีอิหร่านหนุนหลัง รวมถึงกลุ่มติดอาวุธพันธมิตรอื่นๆ กองทัพอัสซาดได้เข้าปิดล้อมเมืองอะเลปโปไว้จากทิศตะวันตก ใต้ และตะวันออก และเริ่มที่จะรุกคืบเข้าสู่ตอนเหนือของเมืองตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (3) กองทัพซีเรียสามารถทลายการปิดล้อมของพวกกบฏในหมู่บ้าน 2 แห่ง และยังเข้าควบคุมเส้นทางลำเลียงบางส่วนไว้ได้ แหล่งข่าวในกองทัพซีเรียให้สัมภาษณ์ต่อเอเอฟพี
รัฐบาลซีเรียเริ่มเป็นฝ่ายรุกไล่พวกกบฏ หลังจากได้พี่ใหญ่อย่างรัสเซียช่วยส่งเครื่องบินขับไล่มาทิ้งระเบิดบั่นทอนฝ่ายตรงข้ามตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. ปีที่แล้ว ส่วนอิหร่านซึ่งเป็นพันธมิตรกับอัสซาดก็ยังช่วยหนุนดามัสกัสอีกแรง
เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์วานนี้ (3) ว่า มอสโกไม่มีเหตุผลที่จะยุติการทิ้งระเบิดในซีเรีย จนกว่า “พวกก่อการร้าย” จะแพ้ราบคาบ
“ความสำเร็จของกองทัพซีเรียที่อะเลปโปในช่วง 3 วันมานี้ คือสิ่งที่พวกเขาเคยล้มเหลวมาตลอด 3 ปี และที่เป็นเช่นนี้ได้ก็เพราะรัสเซียสนับสนุน” รามี อับเดล ราห์มาน หัวหน้าศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียซึ่งมีฐานที่กรุงลอนดอน ระบุ
สงครามกลางเมืองซึ่งปะทุขึ้นในเดือน มี.ค. ปี 2011 และยังยืดเยื้อมาจนกระทั่งทุกวันนี้ บีบให้ประชากรซีเรียหลายล้านคนต้องละทิ้งบ้านเรือนหนีตาย โดยส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปยังยุโรปด้วยสถานะผู้ลี้ภัย
องค์การสหประชาชาติแถลงเมื่อเดือนที่แล้วว่า ยังมีชาวซีเรียอีกราวๆ 487,000 คนอาศัยอยู่ในเมืองที่ถูกปิดล้อม และอีก 4.6 ล้านคนอยู่ตามพื้นที่ห่างไกลซึ่งยากจะส่งความช่วยเหลือเข้าไปถึง