รอยเตอร์ / เอเจนซีส์ / MGR online - อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซนจะปรับเพิ่มสูงขึ้นเพียงเล็กน้อยในปี 2016 และ 2017 ตามการคาดการณ์ในวันพฤหัสบดี (4 ก.พ.) ของคณะกรรมาธิการยุโรป
รายงานล่าสุดของทางคณะกรรมาธิการยุโรประบุว่า อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) ของ 19 ประเทศกลุ่มยูโรโซนจะขยายตัวได้ราว 1.7 เปอร์เซ็นต์ในปี 2016 นี้ เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.6 เปอร์เซ็นต์ในปีที่แล้ว แต่ถือว่าเป็นตัวเลขที่ปรับลดลงจากระดับ 1.8 เปอร์เซ็นต์ที่เคยมีการคาดการณ์ไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายน
รายงานล่าสุดของทางคณะกรรมาธิการยุโรปยังระบุว่า อัตราการเติบโตของจีดีพีกลุ่มยูโรโซนในปี 2017 จะอยู่ที่ราว 1.9 เปอร์เซ็นต์
วาลดิส ดอมบรอฟสกิส รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เผยในรายงานว่า ปัจจัยภายนอกซึ่งรวมถึงภาวะซบเซาของเศรษฐกิจโลก ปัญหาหนี้สินของหลายชาติสมาชิกในยูโรโซน ตลอดจนอำนาจซื้อที่ลดน้อยถอยลงของจีนและกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ถูกระบุว่าจะยังคงเป็นความเสี่ยงหลักที่จะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังเปราะบางของกลุ่มยูโรโซน ที่ภาวะของการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมยังคงต้องพึ่งพาการขับเคลื่อนจากการบริโภคภายในประเทศเป็นสำคัญ
ขณะเดียวกัน ทิศทางของราคาน้ำมันขาลงในตลาดโลก และการอ่อนค่าของเงินสกุลยูโรถูกมองว่าจะเป็นปัจจัยเชิงบวกที่จะช่วยส่งเสริมการเติบโตของกลุ่มยูโรโซนได้อย่างสำคัญในช่วงขวบปีจากนี้
โดยภาพรวมแล้วทางคณะกรรมาธิการยุโรปคาดว่าเศรษฐกิจของทุกประเทศในยูโรโซนจะมีการขยายตัวได้ทั้งสิ้น ยกเว้นเพียงเศรษฐกิจของกรีซเพียงประเทศเดียวที่คาดว่าอาจประสบภาวะหดตัว 0.7 เปอร์เซ็นต์ในปี 2016 นี้ ก่อนจะกลับมาขยายตัวได้ราว 2.7 เปอร์เซ็นต์ในปี 2017
ขณะที่เยอรมนีซึ่งถือเป็นเขตเศรษฐกิจที่ได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดของกลุ่มยูโรโซนถูกระบุว่า จะมีอัตราการขยายตัวของจีดีพีที่ระดับ 1.8 เปอร์เซ็นต์ทั้งในปี 2016 และในปี 2017
นอกเหนือจากตัวเลขการเติบโตของจีดีพีกลุ่มยูโรโซนดังกล่าวแล้ว รายงานของทางคณะกรรมาธิการยุโรปล่าสุดยังกล่าวถึงตัวเลขการว่างงานโดยเฉลี่ยของกลุ่มยูโรโซนในช่วงปี 2016-2017 ว่าจะอยู่เหนือระดับ 10 เปอร์เซ็นต์เล็กน้อย ซึ่งยังไม่ได้นับรวมตัวเลขการว่างงานเฉลี่ยของคนหนุ่มสาวที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปีในยูโรโซน