เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรีกรีซประกาศวานนี้ (7 ธ.ค.) ว่าเอเธนส์ “ไม่จำเป็น” ต้องรับเงินช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) อีกต่อไป เนื่องจากความต้องการกู้เงินลดลง พร้อมวิจารณ์สถาบันปล่อยกู้ระดับโลกซึ่งมีฐานในวอชิงตันว่าแสดงจุดยืน “ไม่สร้างสรรค์” ต่อปัญหาหนี้สินกรีซ
“ผมมีความเห็นว่า เราไม่จำเป็นต้องรับเงินช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟอีกแล้ว” นายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ซีปราส ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์ Et1
กรีซเพิ่งได้รับแพ็กเกจช่วยเหลือ 3 ปี มูลค่า 86,000 ล้านยูโร จากหุ้นส่วนในยูโรโซนเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยที่ไอเอ็มเอฟยังไม่มีส่วนร่วมใดๆ เลย แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ไอเอ็มเอฟออกมาแถลงว่า อาจจะตัดสินใจในเดือนมกราคมปีหน้าว่าจะปล่อยกู้เพิ่มเติมให้เอเธนส์หรือไม่
แพ็กเกจช่วยเหลือจากยูโรโซนยังรวมถึงวงเงินกู้ 25,000 ล้านยูโรสำหรับอัดฉีดระบบธนาคารกรีซ แต่ตัวเลขประเมินล่าสุดพบว่า จำเป็นต้องใช้เงินน้อยกว่านั้นมาก ดังนั้น “กรีซจึงต้องการเงินทุนน้อยลงกว่าเก่า” ซีปราส อธิบาย
ผู้นำกรีซยังติเตียนไอเอ็มเอฟว่า “แสดงจุดยืนไม่สร้างสรรค์” โดยเรียกร้องเงื่อนไขปฏิรูปและมาตรการรับรองที่เข้มงวดเกินเหตุ
ไอเอ็มเอฟเคยจับมือสหภาพยุโรปและธนาคารกลางแห่งยุโรป (อีซีบี) ปล่อยกู้ให้กรีซมาแล้ว 2 ครั้งตั้งแต่ปี 2010 แต่เลือกที่จะสงวนท่าทีในครั้งที่ 3 นี้ เนื่องจากไม่ได้รับคำมั่นจากเอเธนส์ว่าจะปฏิรูปได้ตามเงื่อนไข อีกทั้งชาติยุโรปก็ยังลังเลที่จะปรับโครงสร้างหนี้ให้กรีซ
คำแถลงของ ซีปราส มีขึ้น ก่อนที่ผู้แทนองค์กรเจ้าหนี้ 4 ฝ่าย ซึ่งได้แก่ คณะกรรมาธิการยุโรป, อีซีบี, ไอเอ็มเอฟ และกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (อีเอสเอ็ม) จะเดินทางไปยังกรุงเอเธนส์เพื่อตรวจสอบมาตรการปฏิรูปใหม่ๆ ของกรีซ รวมถึงนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจและการกำหนดกฎเกณฑ์ว่าด้วยหนี้บริษัท ซึ่งรัฐบาลกรีซสัญญาว่าจะมีการโหวตภายในเดือนธ.ค.นี้ เพื่อปลดล็อกเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม
