เอเอฟพี/MGR Online - เคาน์ตีหนึ่งในมลรัฐเทกซัสเมื่อวันอังคาร (9 ก.พ.) รายงานพบกรณีการติดเชื้อซิกาผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ก่อความกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสที่มียุงเป็นพาหะชนิดนี้ ที่ต้องสงสัยว่าเป็นต้นตอที่ทำให้ทารกพิการตั้งแต่แรกคลอด
ศูนย์สาธารณสุขและบริการประชาชนดัลลัส เคาน์ตี เผยว่า คนไข้ติดเชื้อมาจากบุคคลรายหนึ่งซึ่งเคยเดินทางไปยังเวเนซุเอลา แต่ปฏิเสธระบุถึงเพศของนักเดินทางรายดังกล่าวหรือว่ามีผู้หญิงตั้งครรภ์เกี่ยวข้องหรือไม่
ถ้อยแถลงระบุว่า “ทางเคาน์ตีได้รับคำยืนยันจากศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐฯ (ซีดีซี) ว่าพบกรณีผู้ติดเชื้อไวรัสซิการายแรกผ่านการมีเพศสัมพันธ์ในดัลลัส เคาน์ตี ในปี 2016” พร้อมเผยต่อว่า “คนไข้ติดเชื้อไวรัสหลังมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยคนหนึ่งที่เดินทางกลับมาจากประเทศที่มีไวรัสซิกาปรากฏอยู่ และยืนยันกรณีนี้ได้ว่าไม่ได้ติดเชื้อจากการเดินทาง”
ทางโฆษกของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐฯ ไม่ได้สืบสวนวิธีการของการติดต่อ แต่ยืนยันกรณีพบผู้ติดเชื้อ หลังจากสัปดาห์ที่แล้วทางซีดีซีเผยว่าทราบว่ามีการติดเชื้อไวรัสซิกาผ่านการมีเพศสัมพันธ์กรณีหนึ่ง และกรณีพบไวรัสในน้ำเชื้ออสุจิของชายคนหนึ่ง หลังมันหายไปจากเลือดของเขา
แพทย์หญิง อันเน ชูชาต รองผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (ซีดีซี) ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 28 มกราคม ได้รับรายงานเรื่องการติดเชื้อไวรัสซิกาผ่านทางเพศสัมพันธ์แล้ว 1 กรณี
ในรายงานของนิวยอร์กไทม์สระบุว่า กรณีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับนักชีววิทยาสหรัฐฯ รายหนึ่งที่เคยติดเชื้อไวรัสซิกาในเซเนกัล เมื่อปี 2008 ระหว่างดำเนินการรวบรวมยุงเพื่อศึกษาวิจัยเกี่ยวกับมาลาเรีย และดูเหมือนว่าเขานำเชื้อไปติดภรรยาหลังเดินทางกลับสู่มาตุภูมิ
ส่วนอีกกรณีหนึ่งเป็นการตรวจพบเชื้อไวรัสในน้ำอสุจิของชายคนหนึ่งหลังชายคนดังกล่าวมีอาการบ่งชี้ว่าติดเชื้อไวรัสซิกาได้ราว 2 สัปดาห์ จึงอาจสรุปได้ว่ามีความเป็นไปได้ที่ไวรัสนี้จะติดต่อผ่านเพศสัมพันธ์ได้ แพทย์หญิง ชูชาตระบุ
องค์การอนามัยโลกประกาศให้การระบาดของไวรัสซิกาเวลานี้ถือเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ เนื่องจากมีแนวโน้มว่าไวรัสชนิดนี้ที่มียุงลายบ้านเป็นพาหะเกี่ยวข้องกับการระบาดของภาวะที่ทารกเกิดมามีศีรษะเล็กผิดปกติ (microcephaly)
ไวรัสซิกาถูกค้นพบครั้งแรกในยูกันดาในปี 1947 แต่ถือเป็นเชื้อโรคที่ไม่ร้ายแรงจนกระทั่งมีการระบาดในละตินอเมริกาเมื่อปีที่แล้ว
บราซิลเป็นประเทศแรกที่ตระหนักถึงอันตรายของไวรัสชนิดนี้ ว่าน่าจะมีความเชื่อมโยงอย่างชัดเจนกับอาการผิดปกติแต่กำเนิดของทารก หลังจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสังเกตว่ามีทารกที่คลอดออกมาในบราซิลโดยมีศีรษะเล็กผิดปกติจำนวนมาก กระทั่งถือเป็นวิกฤตสาธารณสุขเลวร้ายที่สุดของประเทศ หลังพบทารกที่สงสัยว่าอาจมีภาวะผิดปกติดังกล่าวถึง 4,000 คน ซึ่ง 270 คนได้รับการยืนยันแล้ว เพิ่มขึ้นจาก 147 คนในปี 2014
การระบาดของไวรัสซิกาเวลานี้กำลังสร้างความแตกตื่นไปทั่วทวีปอเมริกา ซึ่งองค์การอนามัยโลกระบุว่า “ลุกลามอย่างรวดเร็วและรุนแรง” และคาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อถึง 4 ล้านคนในปีนี้
บรรดาชาติและดินแดนในละตินอเมริกา อย่างโคลอมเบีย เอกวาดอร์ เอลซัลวาดอร์ จาเมกา และเปอร์โตริโก ต่างเตือนผู้หญิงหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์ ขณะที่ศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ ก็แนะนำสตรีมีครรภ์หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศที่ไวรัสซิการะบาด