เอเอฟพี - ประชาชนกว่า 700,000 คนอพยพออกจากภาคกลางของฟิลิปปินส์เนื่องจากอาจเจอคลื่นยักษ์ น้ำท่วม และดินถล่มจากพายุไต้ฝุ่น “เมอโลร์” ที่กำลังเข้าใกล้ประเทศหมู่เกาะแห่งนี้ เจ้าหน้าที่ระบุในวันนี้ (14 ธ.ค.)
ไต้ฝุ่นเมลอร์ได้เข้าซัดพื้นที่ทางเหนือสุดของเกาะซามาร์ที่มีประชากรอยู่ 1.5 ล้านคนแล้วเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (14) ด้วยความเร็วลม 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติระบุ ในตอนนี้ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหรือรายงานความเสียหาย
เกาะซามาร์อยู่ในหมู่พื้นที่ที่ถูกไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนเข้าทำลายล้างในปี 2013 เมื่อคลื่นลูกใหญ่หลายลูกเข้ากวาดล้างชุมชนทั้งหมด ทำให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหาย 7,350 คน
ทางการเตือนว่า กระแสลมรุนแรงของพายุเมอโลร์มีโอกาสที่จะทำให้เกิดคลื่นสูง 4 เมตร ถอนรากถอนโคนต้นไม้น้อยใหญ่ ในขณะที่ฝนตกหนักภายในเส้นผ่าศูนย์กลาง 300 กิโลเมตรอาจทำให้น้ำท่วมและดินถล่ม
ในจังหวัดอัลเบย์เพียงแห่งเดียว มีผู้อพยพแล้วเกือบ 600,000 คนเนื่องจากกลัวว่าฝนตกหนักอาจทำให้เกิดโคลนถล่มบนเนินลาดของภูเขาไฟมายอนที่อยู่ใกล้เคียง สำนักงานเฝ้าติดตามภัยพิบัติแห่งชาติระบุ
ชาวบ้านหอบกระเป๋าเสื้อผ้าและกระติกน้ำปีนขึ้นบนรถกระบะของกองทัพในเมืองเลกัซปีของจังหวัดอัลเบย์ ในขณะที่ทางการส่งสัญญาณเตือนอพยพ ช่างภาพเอเอฟพีในพื้นที่ระบุ คลื่นขนาดใหญ่ได้ซัดเข้าสู่ถนนหลวงที่ว่างเปล่าของเมืองนี้ในขณะที่ต้นปาล์มส่ายเอนไปมาท่ามกลางกระแสลมแรง
ส่วนประชาชนอีก 130,000 คนถูกอพยพในจังหวัดซอร์โซกอนที่อยู่ข้างเคียง ไต้ฝุ่นลูกล่าสุดนี้คาดว่าจะตัดผ่านภาคกลางของประเทศนี้ในช่วงเช้าวันอังคาร (15) ก่อนที่มุ่งสู่ทะเลจีนใต้ในฝั่งตะวันตก
รัฐบาลได้เตรียมถุงอาหารยังชีพไว้แล้วกว่า 200,000 ถุงและสิ่งของยามฉุกเฉินอื่นๆ ก่อนที่พายุลูกดังกล่าวจะขึ้นฝั่ง โคราซอน โซลิแมน เลขาธิการสำนักงานสวัสดิการสังคม บอกกับสถานีวิทยุ DZMM ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์เผชิญกับพายุไต้ฝุ่นเฉลี่ยปีละ 20 ลูก
ในเดือนตุลาคมไต้ฝุ่นคปปุได้คร่าชีวิตผู้คนไป 54 รายและบีบให้คนอีกหลายหมื่นคนต้องละทิ้งบ้านเรือนหลบหนี หลังจากที่มันเข้าซัดภาคเหนือของฟิลิปปินส์