เอเอฟพี – ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นคปปุ (Koppu) ส่งผลให้พื้นที่การเกษตรและเขตภูเขาทางภาคเหนือของฟิลิปปินส์ยังคงมีน้ำท่วมสูงในวันนี้ (20 ต.ค.) ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 22 ราย
ไต้ฝุ่นคปปุซึ่งพัดเข้าสู่หมู่เกาะฟิลิปปินส์เมื่อเช้าวันอาทิตย์(18) จนทำให้ทางการต้องสั่งอพยพชาวบ้านหลายหมื่นคน ได้อ่อนกำลังลงจนเป็นเพียงพายุโซนร้อน และเคลื่อนตัวออกสู่ทะเลจีนใต้ไปแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา(20) ทว่าอิทธิพลของมันยังทำให้ภาคเหนือของแดนตากาล็อกมีฝนตกหนัก
“น้ำท่วมสูงเร็วมาก แต่โชคดีที่พวกเราได้รับการช่วยเหลือทัน” ลูร์เดส กัตไมตัน วัย 64 ปี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเอเอฟพีที่สนามบาสเก็ตบอลแห่งหนึ่ง ซึ่งถูกใช้เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวในเมืองคาบานาตวน (Cabanatuan) ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงมะนิลาไปทางเหนือราวๆ 3 ชั่วโมงรถยนต์
สำนักงานบรรเทาความเสี่ยงและจัดการภัยพิบัติ ชี้ว่า ไต้ฝุ่นคปปุซึ่งเป็นพายุรุนแรงอันดับ 2 ที่ซัดเข้าสู่ฟิลิปปินส์ในปีนี้สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนราว 300,000 คนทั่วทั้งเกาะลูซอน
ยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมฉับพลัน ดินถล่ม อุบัติเหตุทางเรือ รวมถึงเศษวัสดุที่พายุซัดปลิวไปในอากาศ เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 22 ราย โดยประเมินจากข้อมูลสถิติที่ยืนยันแล้วจากส่วนท้องถิ่นและรัฐบาลกลาง
แหล่งปลูกข้าวและข้าวโพดบริเวณที่ราบลุ่มตอนเหนือของกรุงมะนิลายังคงจมอยู่ใต้กระแสน้ำที่ท่วมสูงมิดหลังคา
พื้นที่ใกล้ๆ ภูเขา เช่น เมืองคาบานาตวน ระดับน้ำเริ่มลดลงบ้างในวันนี้ (20) ทว่ามวลน้ำได้ไหลต่อไปท่วมพื้นที่เกษตรในเมืองอื่นๆ ซึ่งอยู่ห่างออกไป
สำนักงานป้องกันพลเรือนฟิลิปปินส์ ระบุว่า หมู่บ้านกว่า 200 แห่งซึ่งตั้งอยู่ในเขตเกษตรกรรมยังคงมีน้ำท่วมสูง บางแห่งระดับน้ำเกินกว่า 1 เมตร ส่วนบริเวณเทือกเขากอร์ดิลเลราก็ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ซึ่งหมายความว่าอาจมีน้ำจากภูเขาไหลบ่าลงมาสู่ชุมชนอีก
นักอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า พายุโซนร้อนคปปุซึ่งหอบเอาปริมาณน้ำฝนมาเพิ่มขึ้นขณะเคลื่อนผ่านทะเลจีนใต้ มีแนวโน้มที่จะวกกลับมายังตอนเหนือสุดของเกาะลูซอนในวันพรุ่งนี้ (21)
ฟิลิปปินส์ต้องเผชิญพายุไต้ฝุ่นที่มีอานุภาพรุนแรงปีละประมาณ 20 ลูก เนื่องจากเป็นแผ่นดินขนาดใหญ่แห่งแรกที่พายุซึ่งก่อกำเนิดในมหาสมุทรแปซิฟิกจะเคลื่อนตัวผ่าน
เมื่อปลายปี 2013 หมู่เกาะตอนกลางของฟิลิปปินส์ถูกถล่มราบเป็นหน้ากลองจากอิทธิพลของซูเปอร์ไต้ฝุ่น “ไห่เยี่ยน” ซึ่งเป็นพายุที่มีกำลังแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ขณะพัดขึ้นฝั่ง และทำให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายไม่ต่ำกว่า 7,350 คน