เอเจนซีส์ – นักอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือน ซูเปอร์ไต้ฝุ่น “เซาเดโลร์” (Soudelor) ทวีกำลังสู่ระดับ 5 กลายเป็นพายุหมุนที่มีอานุภาพร้ายแรงสุดในปีนี้ โดยกำลังมุ่งหน้าต่อไปยังจีน ไต้หวัน และญี่ปุ่น หลังจากที่ซัดถล่มหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนาจนอ่วมอรทัย เมื่อวันจันทร์ (3 ส.ค.)
ศูนย์เตือนภัยพายุไต้ฝุ่นร่วม (Joint Typhoon Warning Center) ได้จัดให้ไต้ฝุ่นเซาเดโลร์ซึ่งกำลังเคลื่อนมายังฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกด้วยความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางถึง 354 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นไต้ฝุ่นที่มีความแรงสูงสุดระดับ 5 ร้ายกาจยิ่งกว่า “ไซโคลนแพม” ที่เคยซัดถล่มวานูอาตูจนมีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 15 คนเมื่อ 5 เดือนก่อน
แม้จะยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากอิทธิพลของซูเปอร์ไต้ฝุ่นลูกนี้ แต่มันก็ก่อความเสียหายอย่างหนักทั่วหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา หลังจากที่พัดขึ้นฝั่งเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (2) จนผู้สำเร็จราชการ ราฟ ทอร์เรส ต้องประกาศ “สถานการณ์ฉุกเฉินและภัยพิบัติขั้นร้ายแรง”
ประชาชนเกือบ 400 คนบนหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนาต้องไปอาศัยตามศูนย์พักพิงชั่วคราว เนื่องจากไต้ฝุ่นได้พัดบ้านเรือนพังเสียหาย และยังทำให้กระแสไฟฟ้า น้ำประปา และระบบกำจัดน้ำเสียขัดข้อง
จอห์น เฮิร์ช ผู้อำนวยการสภากาชาดอเมริกันในกรุงไซปัน บอกกับสำนักข่าว แปซิฟิก เดลี นิวส์ ว่า “ผมเห็นเสาส่งไฟฟ้าใหญ่ๆ หักโค่น รถยนต์พลิกคว่ำ บ้านเรือนก็ถูกพายุพัดจนหลังคาเปิง”
ถนนหลายสายบนเกาะไซปันซึ่งเป็นที่ตั้งเมืองหลวงในชื่อเดียวกัน ไม่สามารถใช้สัญจรได้
ขณะเดียวกัน ที่เมืองฮากัตนาบนเกาะกวม สำนักงานอุตุนิยมวิทยาได้เตือนให้ชาวบ้านงดนำเรือเข้าไปใกล้ชายฝั่ง หรือกองหินปะการังที่โผล่พ้นน้ำ เนื่องจากอาจเกิดคลื่นพายุซัดฝั่งและคลื่นทะเลดูด (rip currents) ที่เป็นเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ซูเปอร์ไต้ฝุ่นเซาเดโลร์จะทวีกำลังแรงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เคลื่อนผ่านทะเลเปิดในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า ก่อนจะอ่อนกำลังลงเป็นไต้ฝุ่นระดับ 4 หรือ 3 เมื่อขึ้นฝั่งที่ไต้หวัน จีน และหมู่เกาะทางใต้ของญี่ปุ่น ในช่วงวันพฤหัสบดี (6)
ไต้ฝุ่นและไซโคลนเขตร้อนจะเริ่มก่อตัวทางฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกระหว่างช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม ซึ่งไซโคลนแพมจัดเป็นพายุที่ก่อความเสียหายร้ายแรงที่สุดในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา โดยนอกจากผู้เสียชีวิตที่วานูอาตูแล้ว ยังมีประชาชนอีกราว 75,000 คนที่ต้องย้ายไปอาศัยตามศูนย์พักพิง เนื่องจากบ้านเรือนถูกพายุพัดพังและพืชผลทางการเกษตรเสียหายเกือบทั้งหมด