รอยเตอร์ - อิทธิพลจากพายุไต้ฝุ่นคอปปุ (Koppu) ที่พัดถล่มภาคเหนือของฟิลิปปินส์ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (18 ต.ค.) ส่งผลให้บ้านเรือนพังเสียหายเป็นจำนวนมาก เสาไฟฟ้าล้มระเนระนาด ต้นไม้ใหญ่หักโค่น และเกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากวาตภัยครั้งนี้ขยับเพิ่มเป็นอย่างน้อย 9 ราย
สายฝนซึ่งเทกระหน่ำระหว่างที่ไต้ฝุ่นคอปปุเคลื่อนตัวผ่านเกาะลูซอนเมื่อวานนี้ (18) ทำให้หลายเมืองและหมู่บ้านถูกตัดขาดจากโลกภายนอกและไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ ขณะที่ทางการฟิลิปปินส์เตือนว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มสูงขึ้นอีก
ไต้ฝุ่นคอปปุซึ่งอ่อนกำลังจากระดับ 4 ลงมาอยู่ที่ระดับ 1 กำลังเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ไปทางทิศเหนือในวันนี้ (19) โดยมีการพยากรณ์ว่ามันน่าจะอ่อนแรงลงอีกจนกลายเป็นเพียงพายุโซนร้อนในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
“ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่เราไม่สามารถเข้าถึงได้ หมู่บ้านต่างๆ ถูกน้ำท่วมประมาณ 60-70% บางแห่งระดับน้ำสูงถึง 3 เมตรก็มี... ประชาชนราว 20,000 คนยังติดค้างอยู่ในบ้านเรือน และกำลังต้องการอาหารและน้ำดื่ม” เฮนรี เวลาร์ด รองนายกเทศมนตรีเมืองแฮน (Jaen) ในจังหวัดนูเอบาเอซิฮา (Nueva Ecija) ทางตอนเหนือของกรุงมะนิลาเผย
สำนักงานบรรเทาความเสี่ยงและจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ ระบุว่า พบชาวบ้านพลัดตกต้นไม้และถูกกำแพงคอนกรีตล้มทับเสียชีวิต 2 ราย ขณะที่หน่วยยามฝั่งพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 7 ศพในทะเล
หมู่บ้านซึ่งตั้งอยู่ห่างไกลแม่น้ำในจังหวัดนูเอบาเอซิฮาก็หนีความเดือดร้อนไม่พ้นเนื่องจากมีกระแสน้ำไหลหลากลงมาตามที่ราบและหุบเขาต่างๆ
“เราไม่คาดคิดมาก่อน จู่ๆ น้ำก็ไหลเข้ามาท่วมบ้าน พวกเราเลยต้องอพยพขึ้นที่สูง” เรย์นาโต ซิมบูฮัน หัวหน้าชุมชนวัย 44 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในชาวบ้านหลายร้อยที่หนีไปอาศัยอยู่ตามโรงเรียนและหอประชุมในเมืองซานตาโรซา ให้สัมภาษณ์
“ชุมชนเราอยู่ห่างจากแม่น้ำ 7 กิโลเมตร แต่น้ำก็ยังท่วมจนได้” ซิมบูฮันระบุ พร้อมเสริมว่าระดับน้ำที่ท่วมสูงถึง 5 ฟุตได้พัดพาเอาปศุสัตว์และบ้านเรือนที่ปลูกสร้างไม่แข็งแรงจมหายไป
ก่อนหน้านี้ ทางการฟิลิปปินส์ได้สั่งอพยพประชาชนเกือบ 183,000 คนที่อาศัยอยู่ตามที่ราบลุ่มและพื้นที่เสี่ยงดินถล่ม แต่ยังมีชาวบ้านอีกราว 6,000 คนที่ตกค้างอยู่ตามท่าเรือต่างๆ ของเกาะลูซอน
หมู่เกาะฟิลิปปินส์ต้องเผชิญพายุปีละราวๆ 20 ลูก ซึ่งส่วนใหญ่มีอานุภาพรุนแรง