เอเอฟพี - น้ำที่ท่วมในหลายพื้นที่ของฟิลิปปินส์ได้ลดระดับลงในวันพุธ (21 ต.ค.) แต่ยอดผู้เสียชีวิตจากอิทธิพลของไต้ฝุ่นคปปุได้เพิ่มขึ้นเป็น 47 ราย นอกจากนี้ผู้คนอีกหลายหมื่นก็ยังคงต้องอาศัยกันอยู่ในศูนย์อพยพ
ด้วยสภาพอากาศที่ดีขึ้น เจ้าหน้าที่ได้เริ่มคำนวนมูลค่าความเสียหายของผลผลิตทางการเกษตรและปศุสัตว์ที่จมน้ำ อันเนื่องจากฝนที่ตกหนักทำให้น้ำท่วมพื้นที่การเกษตรทางตอนเหนือของกรุงมะนิลา
จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ป้องกันพลเรือนท้องถิ่น ฝนที่ตกหนักในแถบภูเขาทางเหนือของฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่การเกษตร ก็ได้เบาบางลงเช่นกัน
แต่ถึงกระนั้นก็มีผู้คนเสียชีวิตไป 17 รายทั่วพื้นที่การเกษตรในตอนกลางของลูซอน จากยอดรวมตัวเลขของเอเอฟพีที่ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่
กว่า 300 หมู่บ้านทั่วพื้นที่การเกษตรในตอนกลางของเกาะลูซอนต้องจมอยู่ใต้น้ำในวันจันทร์และวันอังคาร โดยในบางพื้นที่น้ำสูงจนมิดหลังคาบ้าน
จากข้อมูลของหน่วยงานบริหารจัดการภัยพิบัติ แม้ในวันพุธระดับน้ำจะลดลง แต่ก็ยังไม่หมด ทำให้ผู้คนมากกว่า 107,000 รายยังคงต้องอาศัยอยู่ในศูนย์อพยพหลายแห่ง
ผู้ตายในพื้นที่น้ำท่วม ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการจมน้ำ แต่ก็มีบ้างที่ถูกไฟช็อตและถูกกำแพงทับ รวมถึงยังมีอีก 1 รายที่ถูกงูกัด
นอกจากนี้ยังมีอีก 16 รายที่ตายในพื้นที่ภูเขา ที่นั่นมีฝนตกหนักจนทำให้เกิดดินถล่มลงมาฝังบ้านหลายหลังและสร้างความเสียหายให้กับถนน ส่วนในที่อื่นๆ ทั่วประเทศ มีผู้เสียชีวิต 14 รายจากสภาพอากาศที่เลวร้าย ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตทั้งหมดอยู่ที่ 47 ราย
จากวันก่อนที่มีรายงานผู้เสียชีวิต 22 ราย แต่ตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรายงานจากพื้นที่ห่างไกลหลายแห่ง ไม่ได้มีเพียงแค่ยอดผู้เสียชีวิตรายใหม่ในวันอังคารและพุธ
อุตุนิยมวิทยา ระบุว่า คปปุได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่น เคลื่อนตัวออกนอกชายฝั่งทางเหนือเมื่อช่วงรุ่งสางวันพุธ ด้วยความเร็วลม 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เมื่อตอนที่ไต้ฝุ่นคปปุมาถึงชายฝั่งตะวันออกของเกาะลูซอนตอนเช้าวันอาทิตย์ พายุลูกนี้มีความเร็วลม 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้มันเป็นพายุที่รุนแรงเป็นอันดับ 2 ที่เข้ามาสร้างความเสียหายให้กับฟิลิปปินส์ในปีนี้