(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
Abe’s India visit part of plan to contain Beijing: Chinese media
11/12/2015
ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเดินทางเยือนอินเดียในวันศุกร์ (11 ธ.ค.) โดยเป็นที่คาดหมายกันว่าอาจจะบรรลุข้อตกลงสำคัญๆ หลายเรื่อง เวลาเดียวกันนั้น เพรสทรัสต์แห่งอินเดีย สำนักข่าวใหญ่ที่สุดในแดนภารตะ ก็รายงานข่าวเรื่องที่สื่อของทางการจีนอย่าง “โกลบอลไทมส์” ออกโรงมาโจมตีว่านายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกำลังพยายามชักชวนอินเดียให้เข้าร่วมในยุทธศาสตร์มุ่งปิดล้อมจีน
ขณะที่ ชินโซ อาเบะ เริ่มต้นการเยือนอินเดียครั้งสำคัญมากของเขาในวันศุกร์ (11 ธ.ค.) โดยมุ่งมองหาทางบรรลุข้อตกลงมากมายหลายฉบับ ซึ่งที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษย่อมได้แก่ ดีลเรื่องรถไฟหัวกระสุน และเครื่องบินเพื่อการป้องกันแบบสะเทินน้ำสะเทินบก ทางด้านสื่อมวลชนจีนก็ออกโรงมาระบุว่า นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นผู้นี้กำลังพยายามชักชวนหว่านล้อมอินเดีย โดยเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่มุ่งปิดล้อมจีน
“เมื่อพิจารณาจากทัศนะมุมมองทางด้านยุทธศาสตร์แล้ว จีนนั่นเองคือปัจจัยอันเป็นสาระสำคัญ ที่อยู่เบื้องหลังความสัมพันธ์ซึ่งกระชับใกล้ชิดมากขึ้นระหว่างญี่ปุ่นกับอินเดีย” นี่เป็นข้อความส่วนหนึ่งในบทความที่ใช้ชื่อเรื่องว่า “การเกี้ยวพานิวเดลีของโตเกียวอาจสะดุดติดขัด” (Tokyo’s pursuit of New Delhi may stumble) ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ “โกลบอลไทมส์” (Global Times) ซึ่งเป็นกิจการหนึ่งในเครือของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
“โตเกียวกำลังพยายามที่จะปิดล้อมและจำกัดขีดวงปักกิ่งในทุกวิถีทางที่สามารถกระทำได้ และอาเบะก็จะไม่ยอมพลาดโอกาสเลยที่จะดึงลาก (นายกรัฐมนตรี นเรนทรา) โมดี (ของอินเดีย) มาอยู่เคียงข้างตัวเขาในการดำเนินการต่อต้านจีน” บทความของโกลบอลไทมส์ระบุ
บทความบอกด้วยว่า ขณะที่ฝ่ายอินเดียกำลังพยายามสร้างสมดุลในสายสัมพันธ์ที่ตนเองมีอยู่กับจีนและกับญี่ปุ่น โดยที่ความสัมพันธ์ระหว่างปักกิ่งกับโตเกียวเองอยู่ในภาวะจืดจางเนื่องจากกลายเป็นคู่ปรปักษ์ในระดับภูมิภาคมากขึ้นเรื่อยๆ นั้น นิวเดลีก็มุ่งมองหาช่องทางในการ “โบกรถขอร่วมโดยสาร” (hitch hike) และทำการต่อรองให้ตนเองได้รับผลประโยชน์เพิ่มมากขึ้น
“นิวเดลีมีความระมัดระวังตัวมากทีเดียว ในการจัดการความสัมพันธ์ที่ตนเองมีอยู่กับปักกิ่งและกับโตเกียว รัฐบาลอินเดียนั้นไม่ได้มีความตั้งใจที่จะเลือกอยู่ข้างจีนหรืออยู่ข้างญี่ปุ่น โดยตระหนักดีว่าการตั้งตนเองขึ้นมาต่อต้านปักกิ่ง จะไม่ก่อผลดีใดๆ ต่อนิวเดลี
“อินเดียกำลังหวังที่จะโบกรถต่อรองขอร่วมโดยสารไปกับการก้าวผงาดขึ้นมาของจีน เพื่อให้ได้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงไม่ได้มีความปรารถนาที่จะสร้างความลำบากขุ่นเคืองให้แก่ชาติเจ้าของระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรายนี้ เนื่องจากทราบดีว่าความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่นอยู่ในภาวะที่ห่างไกลจากความสมบูรณ์เป็นอย่างมาก รัฐบาลอินเดียจึงแสดงความระมัดระวังตัวในการพัฒนาความผูกพันต่างๆ กับโตเกียว เพื่อให้ตนเองเหลือทางเบี่ยงจำนวนหนึ่งเอาไว้ในการจัดการความสัมพันธ์ที่ตนมีอยู่กับปักกิ่ง” โกลบอลไทมส์บอก
รัฐบาลอินเดียนั้นให้ความสำคัญกับเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ สูงเหนือความต้องการในการถ่วงดุลและปิดล้อมขีดวงจำกัดการก้าวผงาดของจีน บทความชิ้นนี้กล่าว และพูดต่อไปว่า ในการที่นิวเดลีกระชับความร่วมมือกับโตเกียว อินเดียย่อมมีความมุ่งหมายที่จะเก็บเกี่ยวผลกำไรให้ได้เพิ่มมากขึ้นจากบรรดาวิสาหกิจของญี่ปุ่นทั้งหลาย
“เมื่อพิจารณาความคาดหมายอันสูงลิ่วของอินเดีย ต่อการลงทุนจากทั้งญี่ปุ่นและจีน เห็นได้ชัดว่านิวเดลีกำลังพยายามที่จะสร้างสมดุลระหว่างทั้งสองประเทศ” บทความนี้ระบุ
อย่างไรก็ตาม โกลบอลไทมส์ยังเน้นย้ำความกังวลของจีน ในเรื่องที่อินเดียเชื้อเชิญญี่ปุ่นให้เข้าร่วมการซ้อมรบทางนาวีประจำปีของตนที่ใช้ชื่อรหัสว่า “มาลาบาร์” (Malabar) ด้วย เป็นการเพิ่มเติมขึ้นมาจากสหรัฐฯ โดยบอกว่าความเคลื่อนไหวเช่นนี้เป็นการสร้างเงาทะมึนบดบังความมั่นคงและเสถียรภาพของภูมิภาค
“การซ้อมรบต่อต้านเรือดำน้ำที่อินเดียริเริ่มขึ้นมา มีความเป็นไปได้มากที่สุดว่าถือเอาจีนเป็นเป้าหมาย นิวเดลีซึ่งไม่สบายใจจากการที่ปักกิ่งปรากฏตัวอยู่ในพื้นที่ต่างๆ รายรอบ ได้เชื้อเชิญโตเกียวให้เข้าร่วมการซ้อมรบด้วย โดยมองว่าเป็นมาตรการในการตอบโต้ประการหนึ่ง” บทความนี้กล่าว
(จากสำนักข่าวเพรสทรัสต์แห่งอินเดีย Press Trust of India หรือ PTI)
Abe’s India visit part of plan to contain Beijing: Chinese media
11/12/2015
ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเดินทางเยือนอินเดียในวันศุกร์ (11 ธ.ค.) โดยเป็นที่คาดหมายกันว่าอาจจะบรรลุข้อตกลงสำคัญๆ หลายเรื่อง เวลาเดียวกันนั้น เพรสทรัสต์แห่งอินเดีย สำนักข่าวใหญ่ที่สุดในแดนภารตะ ก็รายงานข่าวเรื่องที่สื่อของทางการจีนอย่าง “โกลบอลไทมส์” ออกโรงมาโจมตีว่านายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกำลังพยายามชักชวนอินเดียให้เข้าร่วมในยุทธศาสตร์มุ่งปิดล้อมจีน
ขณะที่ ชินโซ อาเบะ เริ่มต้นการเยือนอินเดียครั้งสำคัญมากของเขาในวันศุกร์ (11 ธ.ค.) โดยมุ่งมองหาทางบรรลุข้อตกลงมากมายหลายฉบับ ซึ่งที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษย่อมได้แก่ ดีลเรื่องรถไฟหัวกระสุน และเครื่องบินเพื่อการป้องกันแบบสะเทินน้ำสะเทินบก ทางด้านสื่อมวลชนจีนก็ออกโรงมาระบุว่า นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นผู้นี้กำลังพยายามชักชวนหว่านล้อมอินเดีย โดยเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่มุ่งปิดล้อมจีน
“เมื่อพิจารณาจากทัศนะมุมมองทางด้านยุทธศาสตร์แล้ว จีนนั่นเองคือปัจจัยอันเป็นสาระสำคัญ ที่อยู่เบื้องหลังความสัมพันธ์ซึ่งกระชับใกล้ชิดมากขึ้นระหว่างญี่ปุ่นกับอินเดีย” นี่เป็นข้อความส่วนหนึ่งในบทความที่ใช้ชื่อเรื่องว่า “การเกี้ยวพานิวเดลีของโตเกียวอาจสะดุดติดขัด” (Tokyo’s pursuit of New Delhi may stumble) ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ “โกลบอลไทมส์” (Global Times) ซึ่งเป็นกิจการหนึ่งในเครือของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
“โตเกียวกำลังพยายามที่จะปิดล้อมและจำกัดขีดวงปักกิ่งในทุกวิถีทางที่สามารถกระทำได้ และอาเบะก็จะไม่ยอมพลาดโอกาสเลยที่จะดึงลาก (นายกรัฐมนตรี นเรนทรา) โมดี (ของอินเดีย) มาอยู่เคียงข้างตัวเขาในการดำเนินการต่อต้านจีน” บทความของโกลบอลไทมส์ระบุ
บทความบอกด้วยว่า ขณะที่ฝ่ายอินเดียกำลังพยายามสร้างสมดุลในสายสัมพันธ์ที่ตนเองมีอยู่กับจีนและกับญี่ปุ่น โดยที่ความสัมพันธ์ระหว่างปักกิ่งกับโตเกียวเองอยู่ในภาวะจืดจางเนื่องจากกลายเป็นคู่ปรปักษ์ในระดับภูมิภาคมากขึ้นเรื่อยๆ นั้น นิวเดลีก็มุ่งมองหาช่องทางในการ “โบกรถขอร่วมโดยสาร” (hitch hike) และทำการต่อรองให้ตนเองได้รับผลประโยชน์เพิ่มมากขึ้น
“นิวเดลีมีความระมัดระวังตัวมากทีเดียว ในการจัดการความสัมพันธ์ที่ตนเองมีอยู่กับปักกิ่งและกับโตเกียว รัฐบาลอินเดียนั้นไม่ได้มีความตั้งใจที่จะเลือกอยู่ข้างจีนหรืออยู่ข้างญี่ปุ่น โดยตระหนักดีว่าการตั้งตนเองขึ้นมาต่อต้านปักกิ่ง จะไม่ก่อผลดีใดๆ ต่อนิวเดลี
“อินเดียกำลังหวังที่จะโบกรถต่อรองขอร่วมโดยสารไปกับการก้าวผงาดขึ้นมาของจีน เพื่อให้ได้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงไม่ได้มีความปรารถนาที่จะสร้างความลำบากขุ่นเคืองให้แก่ชาติเจ้าของระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรายนี้ เนื่องจากทราบดีว่าความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่นอยู่ในภาวะที่ห่างไกลจากความสมบูรณ์เป็นอย่างมาก รัฐบาลอินเดียจึงแสดงความระมัดระวังตัวในการพัฒนาความผูกพันต่างๆ กับโตเกียว เพื่อให้ตนเองเหลือทางเบี่ยงจำนวนหนึ่งเอาไว้ในการจัดการความสัมพันธ์ที่ตนมีอยู่กับปักกิ่ง” โกลบอลไทมส์บอก
รัฐบาลอินเดียนั้นให้ความสำคัญกับเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ สูงเหนือความต้องการในการถ่วงดุลและปิดล้อมขีดวงจำกัดการก้าวผงาดของจีน บทความชิ้นนี้กล่าว และพูดต่อไปว่า ในการที่นิวเดลีกระชับความร่วมมือกับโตเกียว อินเดียย่อมมีความมุ่งหมายที่จะเก็บเกี่ยวผลกำไรให้ได้เพิ่มมากขึ้นจากบรรดาวิสาหกิจของญี่ปุ่นทั้งหลาย
“เมื่อพิจารณาความคาดหมายอันสูงลิ่วของอินเดีย ต่อการลงทุนจากทั้งญี่ปุ่นและจีน เห็นได้ชัดว่านิวเดลีกำลังพยายามที่จะสร้างสมดุลระหว่างทั้งสองประเทศ” บทความนี้ระบุ
อย่างไรก็ตาม โกลบอลไทมส์ยังเน้นย้ำความกังวลของจีน ในเรื่องที่อินเดียเชื้อเชิญญี่ปุ่นให้เข้าร่วมการซ้อมรบทางนาวีประจำปีของตนที่ใช้ชื่อรหัสว่า “มาลาบาร์” (Malabar) ด้วย เป็นการเพิ่มเติมขึ้นมาจากสหรัฐฯ โดยบอกว่าความเคลื่อนไหวเช่นนี้เป็นการสร้างเงาทะมึนบดบังความมั่นคงและเสถียรภาพของภูมิภาค
“การซ้อมรบต่อต้านเรือดำน้ำที่อินเดียริเริ่มขึ้นมา มีความเป็นไปได้มากที่สุดว่าถือเอาจีนเป็นเป้าหมาย นิวเดลีซึ่งไม่สบายใจจากการที่ปักกิ่งปรากฏตัวอยู่ในพื้นที่ต่างๆ รายรอบ ได้เชื้อเชิญโตเกียวให้เข้าร่วมการซ้อมรบด้วย โดยมองว่าเป็นมาตรการในการตอบโต้ประการหนึ่ง” บทความนี้กล่าว
(จากสำนักข่าวเพรสทรัสต์แห่งอินเดีย Press Trust of India หรือ PTI)