รอยเตอร์ - สหรัฐฯ และผู้เชี่ยวชาญจากชาติอื่นๆ ต่างเคลือบแคลงใจต่อคำกล่าวอ้างของนายคิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือที่คุยโวเมื่อวันพฤหัสบดี (10 ธ.ค.) ว่าประเทศของเขาสามารถพัฒนาระเบิดไนโตรเจนพร้อมทดสอบ ซึ่งยกระดับจากระเบิดปรมาณูที่มีอานุภาพรุนแรงน้อยกว่า
ความคุยโตของนายคิม เกิดขึ้นระหว่างที่เขากำลังตรวจเยี่ยมค่ายทหารประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ โดยเขาบอกว่า “เกาหลีเหนือได้กลายเป็นมหาอำนาจทางอาวุธนิวเคลียร์ที่พร้อมกดชนวนระเบิดนิวเคลียร์และระเบิดไฮโดรเจนเพื่อปกป้องอำนาจอธิปไตยและเกียรติภูมิของชาติ” สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (เคซีเอ็นเอ) อ้างคำพูดของคิม
ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือทดสอบระเบิดปรมาณูที่อิงกับปฏิกิริยาฟิชชันไปแล้ว 3 ลูก ส่วนเอช-บอมบ์ หรือระเบิดไฮโดรเจน (อาวุธนิวเคลียร์แบบความร้อน) นั้นก่อให้เกิดปฏิกิริยาฟิวชันต่อเนื่องจึงมีอานุภาพการระเบิดรุนแรงกว่า
เกาหลีเหนือเคยทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ใต้ดินมาแล้ว 3 ครั้งในปี 2006, 2009 และ 2013 โดยการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์สองครั้งแรกของเปียงยางนั้นใช้อาวุธพลูโตเนียม ส่วนครั้งที่สามเชื่อกันว่า ใช้ยูเรเนียมเป็นวัสดุฟิซไซล์
อย่างไรก็ตาม ในวอชิงตัน ทำเนียบขาวระบุว่าพวกเขาคลางแคลงใจต่อคำกล่าวอ้างพัฒนาระเบิดไนโตรเจนของเกาหลีเหนือ แต่บอกว่าเปียงยางยังคงเป็นภัยคุกคาม “ณ ตอนนี้ จากข้อมูลที่เราเข้าถึง ได้ก่อข้อสงสัยอย่างจริงจังต่อคำกล่าวอ้างนั้น แต่เราจริงจังอย่างมากกับความเสี่ยงดังกล่าวและภัยคุกคามจากระบอบเกาหลีเหนือ จากความทะเยอทะยานพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของพวกเขา” จอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาวแถลงสรุป
สหรัฐฯ เรียกร้องมาแล้วหลายครั้งให้เกาหลีเหนือปฏิบัติตามพันธสัญญานานาชาติของพวกเขาและละทิ้งอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด
เจ้าหน้าที่จากสำนักข่าวกรองเกาหลีใต้บอกกับสำนักข่าวยอนฮับว่า ไม่พบหลักฐานว่าเกาหลีเหนือมีแสนยานุภาพระเบิดไฮโดรเจน และเชื่อว่าคำกล่าวอ้างนี้เป็นแค่คำคุยโวของคิมเท่านั้น ส่วนกระทรวงการต่างประเทศจีน ผู้สนับสนุนทางการทูตและเศรษฐกิจสำคัญที่สุดของเปียงยาง ระบุว่าจีนขออุทิศตัวเพื่อรับประกันการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลีและคลี่คลายปัญหาผ่านการเจรจา
สงครามเกาหลีระหว่างปี 1950-53 ยุติลงด้วยข้อตกลงหยุดยิงไม่ใช่สนธิสัญญาสันติภาพ นั่นหมายความว่าในทางเทคนิคแล้วสองชาติเกาหลียังคงอยู่ในภาวะสงคราม ขณะที่เกาหลีเหนือมักขู่ทำลายเกาหลีใต้และพันธมิตรสำคัญอย่างสหรัฐฯ จมทะเลแห่งเปลวเพลิง
แม้เคยทดสอบใต้ดินมาล้ว แต่เหล่าผู้เชี่ยวชาญจากโลกภายนอกตั้งข้อสงสัยว่าเกาหลีเหนือน่าจะยังห่างไกลจากความสามารถในการติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ในขีปนาวุธ แม้เคยประสบความสำเร็จติดตั้งในอาวุธที่มีขนาดเล็กกว่าก็ตาม
การประเมินความคืบหน้าของโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือถือเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง เนื่องจากไม่มีบุคคลใดนอกวงผู้นำและผู้เชี่ยวชาญกลุ่มเล็กๆ ในเปียงยางที่ล่วงรู้เรื่องนี้ กระนั้นหากเรื่องระเบิดไฮโดรเจนเป็นจริง จะบ่งชี้ความคืบหน้าของเปียงยางในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่างชัดเจน