เอเอฟพี - ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ประกาศกร้าวในวันนี้ (7 ม.ค.) ว่าจะบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรที่ “รุนแรงและครอบคลุมมากที่สุด” กับเกาหลีเหนือ หลังจากประเทศนี้ทำการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 จนถูกทั่วโลกประณาม
เมื่อวันพุธ (6) เกาหลีเหนือระบุว่าพวกเขาได้ประสบความสำเร็จในการทดสอบระเบิดไฮโดรเจนครั้งแรกของพวกเขา นำมาซึ่งความกังวลและความโกรธเกรี้ยวจากประเทศต่างๆ รวมถึงสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และแม้กระทั่งพันธมิตรหลักเพียงหนึ่งเดียวของพวกเขาอย่างจีน
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯและประธานาธิบดี พัค กึนฮเย ของเกาหลีใต้ต่อสายคุยโทรศัพท์กันนาน 20 นาทีในช่วงเช้าวันนี้ (7) ทำเนียบประธานาธิบดีโสมขาวระบุในถ้อยแถลง
“ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการคว่ำบาตรอย่างหนักหน่วงและครอบคลุมที่สุดและระบุว่าเขาจะประสานงานกับเกาหลีใต้อย่างใกล้ชิดเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว” ถ้อยแถลงระบุ
“ผู้นำทั้งสองยังเห็นพ้องกันด้วยว่าเกาหลีเหนือควรจ่ายค่าตอบแทนอย่างเหมาะสมสำหรับการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งล่าสุดนี้และให้คำมั่นว่าจะร่วมงานอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มีมติที่หนักหน่วงถูกรับรองจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ” ถ้อยแถลงระบุเสริม
ก่อนหน้านี้พัคเคยกล่าวโจมตีการทดสอบเมื่อวันพุธ (6) ซึ่งมาจากคำสั่งโดยตรงของคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ว่าเป็น “การยั่วยุอย่างร้ายแรง” ต่อความมั่นคงของชาติและเรียกร้องการตอบสนองอย่าง “รุนแรง” จากนานาชาติ
ระเบิดไฮโดรเจนซึ่งเป็นอาวุธนิวเคลียร์แบบความร้อน (thermonuclear) จะก่อให้เกิดปฏิกิริยาฟิวชันต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้การระเบิดมีอานุภาพรุนแรงยิ่งกว่าระเบิดที่ใช้เชื้อเพลิงพลูโตเนียม หรือยูเรเนียมเพียงอย่างเดียว
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ผลจากการทดสอบเมื่อวันพุธ (6) ยังห่างไกลกับระเบิดไฮโดรเจนของจริงมาก แต่มันก็ยังคงเป็นการละเมิดมติของยูเอ็นที่มีอยู่
เมื่อวานนี้ (6) คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเห็นพ้องที่จะออกมาตรการลงโทษเกาหลีเหนือและให้คำมั่นว่าจะเริ่มต้นการทำงานเกี่ยวกับร่างมติใหม่ของยูเอ็นที่จะประกอบด้วย “มาตรการที่มีนัยยะสำคัญกว่าเดิม”
อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนืออยู่ภายใต้มาตรคว่ำบาตรหลายชั้นที่ถูกบังคับใช้ภายหลังการยิงขีปนาวุธและการทดสอบนิวเคลียร์ 3 ครั้งที่ผ่านมาอยู่แล้ว และนักวิเคราะห์หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าอะไรที่จะเป็นผลกระทบจริงๆ จากการลงโทษครั้งใหม่นี้