เอเอฟพี - บิดาของ ซายเอ็ด ฟารุก ซึ่งร่วมกับภรรยาก่อเหตุกราดยิง 14 ศพ ที่เมืองซานเบอร์ดานิโน รัฐแคลิฟอร์เนีย ยอมรับว่า ลูกชายสนับสนุนค่านิยมของกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) และยังหมกมุ่นเรื่องการทำสงครามกับอิสราเอลด้วย หนังสือพิมพ์รายวันอิตาลี ลา สแตมปา รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (6 ธ.ค.)
“เขาเคยพูดว่าเห็นด้วยกับ (ผู้นำไอเอส อบูบาการ์) อัล-บักดาดี เรื่องการก่อตั้งรัฐอิสลาม แถมยังหมกมุ่นเรื่องอิสราเอล” ลา สแตมปา อ้างคำพูดของบิดามือปืน ซึ่งก็ชื่อ “ซายเอ็ด ฟารุก” เหมือนกับลูกชาย
“ผมเคยบอกเขาเสมอว่า ใจเย็นๆ อดทนหน่อยเถอะ อีก 2 ปีก็ไม่มีอิสราเอลอีกแล้ว”
“ภูมิศาสตร์การเมืองโลกกำลังเปลี่ยนไป รัสเซีย จีน อเมริกาก็เหมือนกัน ไม่มีใครหรอกที่ต้องการให้พวกยิวอยู่ตรงนั้น พวกเขาจะผลักดันยิวไปอยู่ยูเครน แล้วจะไปมัวสู้รบทำไมให้เหนื่อยแรง เราเคยทำอย่างนั้นมาแล้ว สุดท้ายก็แพ้” พ่อเฒ่ามุสลิมวัย 67 ปี กล่าว
ฟารุก ผู้พ่อ เอ่ยต่อไปว่า “แต่เขาไม่ยอมฟังผมเลย เขาเอาแต่คลั่ง” เรื่องการต่อสู้อิสราเอล
ฟารุก วัย 28 ปี ได้สมคบคิดกับภรรยาเชื้อสายปากีสถาน ตัชฟีน มาลิก วัย 29 ปี ถืออาวุธปืนเข้าไปกราดยิงผู้คนในงานปาร์ตี้ ซึ่งจัดขึ้นภายในอาคารของศูนย์พัฒนาผู้พิการในเมืองซานเบอร์นาดิโน เมื่อวันพุธที่แล้ว (2 ธ.ค.) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บอีก 21 คน ส่วนสองผัวเมียก็ถูกตำรวจวิสามัญ
กลุ่มไอเอสประกาศสดุดี ฟารุก และ มาลิก ว่าเป็น “ทหาร” ของรัฐอิสลามที่พวกเขาก่อตั้งขึ้นในดินแดนซีเรียและอิรัก
การสังหารหมู่ครั้งนี้หากพิสูจน์แน่ชัดว่าเป็นแผน “ก่อการร้าย” จะถือเป็นเหตุโจมตีนองเลือดครั้งใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ถัดจากเหตุวินาศกรรมเมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 2001
ฟารุก ผู้พ่อซึ่งอพยพจากปากีสถานมาอาศัยอยู่บนแผ่นดินสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 1972 ระบุว่า ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น บุตรชาย “ไม่เคยไปกินเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อน และพูดว่าชายมุสลิมที่ดีต้องมองหญิงที่เป็นภรรยาตัวเองเต้นรำเท่านั้น”
ครั้งหนึ่งเขาเคยเห็นลูกชายพกปืน ซึ่งทำให้เขารู้สึกโกรธมาก
เมื่อ ลา สแตมปา สอบถามว่า ลูกชายของเขาเคยติดต่อกับ “กลุ่มก่อการร้ายนอกประเทศ” บ้างหรือไม่ ฟารุก ผู้พ่อก็ยืนยันว่าไม่ทราบ
พนักงานสอบสวนสหรัฐฯ อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อความในเฟซบุ๊กของ ตัชฟีน มาลิก ซึ่งเชื่อว่าเป็นการประกาศ “สวามิภักดิ์” ต่อผู้นำไอเอส อัล-บักดาดี ก่อนที่สองผัวเมียจะออกไปก่อเหตุกราดยิงไม่นานนัก