Russia presents proof of Turkey’s role in illegal IS oil trade
02/12/2015
อาร์ที (RT) สื่อของรัฐบาลรัสเซีย รายงานการแถลงข่าวของกระทรวงกลาโหมแดนหมีขาว ซึ่งเสนอหลักฐานข้อพิสูจน์ว่า คณะผู้นำของตุรกี รวมถึงตัวประธานาธิบดี เรเจฟ ไตยิป เอร์โดกัน และครอบครัว เกี่ยวข้องพัวพันกับการค้าน้ำมันเถื่อนของกลุ่มไอเอส นอกจากนั้นยังพูดถึงผลงานที่รัสเซียถล่มโจมตีทางอากาศใส่เป้าหมายต่างๆ ของผู้ก่อการร้ายในซีเรีย ตลอดช่วงเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา
คณะผู้นำของตุรกี ซึ่งรวมถึงตัวประธานาธิบดี เรเจป ไตยิป เอร์โดกัน (Recep Tayyip Erdogan) และครอบครัวของเขา มีความเกี่ยวข้องพัวพันกับการค้าน้ำมันเถื่อน ที่ทำกับพวกหัวรุนแรง “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุในการแถลงข่าวที่กรุงมอสโกเมื่อวันพุธ (2 ธ.ค.) โดยมีการเน้นย้ำข้อเท็จจริงที่ว่า ตุรกีคือจุดหมายปลายทางสุดท้ายของน้ำมันที่ลักลอบลำเลียงออกมาจากซีเรียและอิรัก ทั้งนี้ตามรายงานของอาร์ที (RT) และตามเอกสารการแถลงข่าวที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย
ในการแถลงข่าวครั้งสำคัญว่าด้วยเงินทุนของกลุ่มไอเอสคราวนี้ รัฐมนตรีช่วยกลาโหม อนาโตลี อันโตนอฟ (Anatoly Antonov) กล่าวว่า การที่จะยังความปราชัยให้แก่ไอเอสนั้น จำเป็นที่จะต้องทำลายแหล่งที่มาแห่งเงินทุนของกลุ่มก่อการร้ายนี้
“รายได้จากการขายน้ำมัน คือแหล่งสำคัญที่สุดแหล่งหนึ่งในการสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของพวกผู้ก่อการร้ายในซีเรีย” เขาบอกและพูดต่อไปว่า ตามรายงานบางกระแส พวกเขาทำเงินได้ประมาณปีละ 2,000 ล้านดอลลาร์ทีเดียว และกำลังใช้เงินทุนเหล่านี้ไปในการว่าจ้างพวกหัวรุนแรงจากทั่วโลก และกำลังจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ มาประกอบให้พวกผู้คนเหล่านี้
“ตุรกีคือที่หมายหลักของน้ำมันที่ถูกโจรกรรมมาจากพวกเจ้าของที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งก็คือ ซีเรีย และอิรัก จากนั้นตุรกีก็ขายต่อน้ำมันเหล่านี้ ส่วนที่น่าตกใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ คณะผู้นำระดับสูงสุดของตุรกี มีการเกี่ยวข้องพัวพันกับธุรกิจผิดกฎหมายนี้ด้วย ซึ่งก็คือประธานาธิบดีเอร์โดกันและครอบครัวของเขา” อันโตนอฟ กล่าว
“วันนี้ เราขอนำเสนอข้อเท็จจริงเพียงบางส่วนของที่หามาได้ ซึ่งสามารถยืนยันได้ว่า มีทีมงานอยู่ทีมหนึ่งที่กำลังทำงานอยู่ในภูมิภาคดังกล่าว ทีมงานนี้ประกอบด้วยพวกสุดโต่งกับชนชั้นนำของตุรกี พวกเขากำลังสมรู้ร่วมคิดกันโจรกรรมน้ำมันจากเหล่าเพื่อนบ้านของพวกเขา น้ำมันเหล่านี้ถูกลำเลียงขนส่งไปยังตุรกีในปริมาณที่สูงมากราวกับเป็นอุตสาหกรรม” โดยผ่าน “สายท่อส่งน้ำมันเคลื่อนที่ได้” ซึ่งประกอบไปด้วยรถบรรทุกน้ำมันจำนวนหลายพันคัน
กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังเผยแพร่ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นขบวนแถวของรถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงตรงบริเวณพื้นที่ชายแดนระหว่างตุรกีกับซีเรีย ตลอดจนพวกรถบรรทุกซึ่งลำเลียงน้ำมันมา สามารถแล่นข้ามพรมแดนระหว่างตุรกีกับอิรักได้อย่างเสรี
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มต้นการปฏิบัติการต่อต้านผู้ก่อการร้ายในซีเรียเมื่อวันที่ 30 กันยายนเป็นต้นมา รายได้ซึ่งพวกหัวรุนแรงไอเอสได้รับจากการลักลอบขนน้ำมันผิดกฎหมายก็กำลังลดต่ำลงอย่างฮวบฮาบ
ตามการแถลงของ เซียร์เกย์ รุดสกอย (Sergey Rudskoi) เจ้ากรมใหญ่ยุทธการ (chief of the Main Operations Directorate) แห่งกองเสนาธิการใหญ่กองทัพรัสเซีย (the Russian General Staff) การถล่มโจมตีทางอากาศของฝ่ายรัสเซียในซีเรีย ทำให้รายรับจากการค้าน้ำมันผิดกฎหมายของกลุ่มรัฐอิสลามลดลงถึงครึ่งหนึ่ง จากระดับ 3 ล้านดอลลาร์เหลือ 1.5 ล้านดอลลาร์ต่อวัน
“รายรับขององค์การก่อการร้ายแห่งนี้เคยขึ้นไปถึงระดับ 3 ล้านดอลลาร์ต่อวัน แต่หลังจากที่เครื่องบินรัสเซียเข้าโจมตีทางอากาศใส่ผู้ก่อการร้ายเหล่านี้เป็นเวลา 2 เดือน รายรับจากน้ำมันของพวกเขาก็ตกลงมาเหลือ 1.5 ล้านดอลลาร์ต่อวัน” นายทหารอาวุโสผู้นี้กล่าว
ตามการแจกแจงของรุดสกอย รัสเซียสามารถระบุเส้นทางหลักในการลำเลียงขนส่งน้ำมันจากดินแดนในซีเรียและอิรักที่ถูกกลุ่มไอเอสควบคุมไว้ เข้าไปยังตุรกี รวม 3 เส้นทางด้วยกัน
เส้นทางสายตะวันตกนั้น มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่เมืองท่าต่างๆ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ขณะที่เส้นทางสายเหนือนั้นไปสู่โรงกลั่นน้ำมันบัตมาน (Batman oil refinery) ส่วนเส้นทางสายตะวันออกสิ้นสุดลงที่ฐานการขนถ่ายสินค้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองจีซเร (Cizre)
รุดสกอยบอกว่า ในช่วงการปฏิบัติการเป็นเวลา 2 เดือนของรัสเซียในซีเรีย เครื่องบินรัสเซียได้ทำลายสิ่งปลูกสร้างด้านการผลิตน้ำมันของผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ไป 32 แห่ง, โรงกลั่นน้ำมัน 11 แห่ง, สถานีสูบน้ำมัน 23 แห่ง, และรถบรรทุกน้ำมันกว่า 1,000 คัน
อย่างไรก็ดี เขากล่าวต่อไปว่า แก๊งผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ “ยังคงได้รับเงินทุนเป็นจำนวนมหึมา ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องกระสุน และทรัพย์สินอื่นๆ สำหรับการดำเนินกิจกรรมของพวกเขา”
ในปัจจุบัน กลุ่มไอเอสมีรายได้จากการค้าน้ำมันผิดกฎหมายประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี พวกเขามีรถบรรทุกน้ำมันไม่ต่ำกว่า 8,500 คัน ซึ่งลำเลียงลำเลียงได้วันละ 20,000 บาร์เรล
นายทหารรัสเซียผู้นี้เน้นย้ำข้อเท็จจริงที่ว่า กลุ่มพันธมิตรนานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ ไม่ได้ทำลายรถบรรทุกน้ำมันของผู้ก่อการร้ายในซีเรีย
ขณะที่ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2015 กองทัพอากาศและอวกาศ (Aerospace Forces) ของรัสเซีย ได้เริ่มต้นการโจมตีอย่างแม่นยำเจาะจงในซีเรีย โดยเล่นงานสถานที่ต่างๆ ขององค์การก่อการร้าย “รัฐอิสลาม” และองค์การก่อการร้าย จาบัต อัล-นุสรา (Jabhat al-Nusra) ซึ่งเป็นองค์การต้องห้ามตามกฎมายของรัสเซีย ทั้งนี้ตามคำร้องขอจากประธานาธิบดีบาชาร์ อัสซาด ของซีเรีย
กองกำลังทางอากาศของรัสเซียนี้ เบื้องต้นทีเดียวประกอบด้วยเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์กว่า 50 ลำ โดยมีทั้ง ซู (ซูคอย) -24 เอ็ม, ซู-25เอสเอ็ม, และเครื่องบินไฮเทคล้ำสมัยอย่าง ซู-34 เครื่องบินเหล่านี้ถูกนำเข้าประจำการที่ฐานทัพอากาศเฮไมมีม (Hmeimim) ในจังหวัดลาตาเกีย (Latakia)
ในวันที่ 7 ตุลาคม เรือรบติดขีปนาวุธจำนวน 4 ลำ ของกองเรือแคสเปียน (Caspian Flotilla) แห่งกองทัพเรือรัสเซีย ยังได้ยิงจรวดร่อน คาลิบร์ (Kalibr cruise missile) (ซึ่งนาโต้ให้ชื่อรหัสว่า ซิซเลอร์ Sizzler) เป็นจำนวน 26 ลูก เข้าใส่สถานที่ต่างๆ ของพวกหัวรุนแรงในซีเรีย ต่อมาในวันที่ 8 ตุลาคม กองทัพซีเรียก็ได้เปิดการรุกโจมตีขนาดใหญ่
เมื่อถึงกลางเดือนพฤศจิกายน รัสเซียได้เพิ่มจำนวนเครื่องบินที่เข้าร่วมการปฏิบัติการในซีเรียเป็น 69 ลำ และนำเอาเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์เข้ามาร่วมการโจมตีพวกหัวรุนแรงด้วย
กระทรวงกลาโหมรัสเซียบอกว่า การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันพุธ (2 ธ.ค.) ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่จะบังคับให้ประธานาธิบดีเอร์โดกัน ของตุรกี ลาออกจากตำแหน่ง ถึงแม้มีการแสดงหลักฐานพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า ตุรกีมีการตกลงค้าขายน้ำมันอย่างผิดกฎหมายกับพวกไอเอส
“เรามุ่งที่จะเสนอหลักฐานให้เห็นว่า กำลังมีการค้าน้ำมันอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นการให้เงินทุนสนับสนุนแก่กลุ่มผู้ก่อการร้ายเหล่านี้กันอย่างไร” อันโตนอฟ กล่าว “เรานั้นทราบดีว่าคำพูดของเอร์โดกัน มีคุณค่าสามารถเชื่อถือได้แค่ไหน การที่เขาจะลาออกหรือไม่ ไม่ใช่จุดมุ่งหมายของเรา เรื่องนี้ต้องขึ้นกับประชาชนชาวตุรกีเอง”
รัฐมนตรีช่วยกลาโหมรัสเซียชี้ว่า “บางที ผมอาจจะต้องพูดอย่างตรงไปตรงมามากเกินไปสักหน่อย แต่ผมขอชี้ว่าการควบคุมธุรกิจแห่งการโจรกรรมนี้ จะต้องให้ความไว้วางใจเฉพาะแก่ผู้คนซึ่งใกล้ชิดที่สุดเท่านั้น เป็นเรื่องน่าสนใจมากที่ไม่มีใครสักคนในโลกตะวันตก ตั้งคำถามขึ้นมาถามตัวเองว่า ทำไมบุตรชายของประธานาธิบดีตุรกี จึงดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าของหนึ่งในบริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุด ส่วนบุตรเขยก็เป็นรัฐมนตรีว่าการพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ?”
เขาบอกต่อไปว่า ขณะที่ฝ่ายตะวันตกนั้นดูไม่ได้สนใจใยดีอะไรเกี่ยวกับบทบาทของบุตรชายและบุตรเขยของเอร์โดกัน ในการค้าน้ำมันเถื่อนเหล่านี้ พวกนักหนังสือพิมพ์ชาวรัสเซียกลับมีความกล้าหาญที่จะรายงานความจริงเกี่ยวกับอาชญากรรมของฝ่ายตุรกี
“ถ้าพวกเขา (คณะผู้นำตุรกี) เห็นว่าหลักฐานเหล่านี้คือหลักฐานเท็จ ก็ขอให้พวกเขายินยอมเปิดพื้นที่เหล่านี้ อนุญาตให้นักข่าวนักหนังสือพิมพ์เข้าไปพิสูจน์” รัฐมนตรีช่วยกลาโหมรัสเซียผู้นี้กล่าวท้าทาย
อาร์ที (RT) ตอนเริ่มต้นใช้ชื่อว่า รัสเซีย ทูเดย์ (Russia Today) เป็นเครือข่ายโทรทัศน์ที่ได้รับเงินทุนจากรัฐบาลรัสเซีย และดำเนินการสถานีโทรทัศน์หลายช่องในแบบเคเบิลทีวี และ ทีวีดาวเทียม รวมทั้งเป็นผู้จัดทำเนื้อหาสำหรับเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตด้วย โดยมุ่งที่ผู้ชมซึ่งอยู่นอกประเทศรัสเซีย
หมายเหตุผู้แปล
ในการแถลงข่าวของกระทรวงกลาโหมรัสเซียเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมคราวนี้ โดยเฉพาะการแถลงของ พลโท เซียร์เกย์ รุดสกอย (Lt.Gen.Sergey Rudskoi) เจ้ากรมใหญ่ยุทธการ (chief of the Main Operations Directorate) แห่งกองเสนาธิการใหญ่แห่งกองทัพรัสเซีย (the Russian General Staff of the Russian Armed Forces) ได้มีการนำเสนอภาพถ่ายและคลิปวิดีโอจำนวนมากประกอบการชี้แจง จึงขอเก็บความนำเสนอเพิ่มเติมในที่นี้ (ดูรายละเอียดคำแถลงที่แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ที่ http://eng.syria.mil.ru/en/index/syria/news/more.htm?id=12070708@cmsArticle&_print=true)
กระทรวงกลาโหมแห่สหพันธรัฐรัสเซีย
คำแถลงเพิ่มเติมของ พลโท เซียร์เกย์ รุดสกอย เจ้ากรมใหญ่ยุทธการ แห่งกองเสนาธิการใหญ่แห่งกองทัพรัสเซีย
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้รับชัยชนะอย่างแท้จริงในการต่อสู้ปราบปรามกลุ่มไอซิส (ISIS ชื่อย่ออีกชื่อหนึ่งของกลุ่มไอเอส) ถ้าหากไม่ทำการปิดตายแหล่งที่มาแห่งเงินทุนของพวกเขา
อย่างที่ท่านรัฐมนตรีช่วยกลาโหม อนาโตลี อันโตนอฟ ได้แถลงไปแล้ว การค้าน้ำมันเถื่อนคือแหล่งที่มาสำคัญที่สุดของรายได้ของพวกผู้ก่อการร้าย
เพื่อกำจัดแหล่งเงินทุนนี้ กองทัพอากาศและอวกาศรัสเซีย (Russian Aerospace Forces) ได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศต่อสถานที่ขุดเจาะน้ำมัน, คลังเก็บน้ำมัน, โรงกลั่นน้ำมัน, ตลอดจนสถานที่และเครื่องมืออุปกรณ์ในการขนส่งน้ำมัน ในบริเวณพื้นที่ซึ่งกลุ่มไอซิสยึดครองอยู่
ในช่วงระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา การโจมตีทางอากาศของรัสเซียได้สร้างความเสียหายให้แก่สถานที่ผลิตน้ำมัน 32 แห่ง, โรงกลั่น 11 แห่ง, และสถานีสูบน้ำมัน 23 แห่ง นอกจากนั้นยังมีรถบรรทุกน้ำมันที่กำลังลำเลียงน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมรวม 1,080 คันถูกทำลาย
ผลงานเช่นนี้ทำให้เราสามารถลดรายรับจากน้ำมันเถื่อนในซีเรียลงไปได้เกือบ 50%
ตามการประมาณการแบบอนุรักษนิยมที่สุด รายรับของผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้จากการดำเนินการด้านน้ำมันผิดกฎหมายของพวกเขา ได้ลดต่ำลงจาก 3 ล้านดอลลาร์ เหลือ 1.5 ล้านดอลลาร์ต่อวัน ลองคูณตัวเลขนี้ด้วยระยะเวลา 4 ปีดูสิครับ หลังจากการโจมตีของรัสเซีย รายได้ของพวกผู้ก่อการร้ายได้ลดลงและอยู่ในระดับ 1.5 ล้านดอลลาร์ต่อวัน
อย่างไรก็ตาม องค์การของพวกผู้ก่อการร้ายยังคงได้รับทรัพยากรทางการเงินเป็นจำนวนมหาศาลอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนอาวุธ เครื่องกระสุน และยุทธสัมภาระอื่นๆ สำหรับกิจกรรมของพวกเขา มีบางประเทศ ซึ่งที่สำคัญที่สุดได้แก่ตุรกี กำลังมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันโดยตรงกับโครงการธุรกิจขนาดใหญ่ของพวกรัฐอิสลาม ดังนั้นจึงเท่ากับกำลังช่วยเหลือผู้ก่อการร้ายเหล่านี้
กองเสนาธิการใหญ่แห่งกองทัพสหพันธรัฐรัสเซีย (The General Staff of the Russian Federation Armed Forces) มีหลักฐานที่หนักแน่นชนิดไม่อาจปฏิเสธได้ ในเรื่องการเกี่ยวข้องพัวพันของตุรกี โดยเป็นหลักฐานที่อิงอยู่กับข้อมูลจากการตรวจการณ์ทางอากาศและทางอวกาศ
สิ่งที่ขอนำเสนอในวันนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่
เราสามารถระบุเส้นทางหลักในการลำเลียงขนส่งน้ำมันจากดินแดนในซีเรียและอิรักที่ถูกกลุ่มไอซิสควบคุมไว้ เข้าไปยังตุรกี รวม 3 เส้นทางด้วยกัน
เส้นทางสายตะวันตกนั้น มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่เมืองท่าต่างๆ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ขณะที่เส้นทางสายเหนือนั้นไปสู่โรงกลั่นน้ำมันบัตมาน (Batman oil refinery) ส่วนเส้นทางสายตะวันออกสิ้นสุดลงที่ฐานการขนถ่ายสินค้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองจีซเร (Cizre)
เราจะแสดงให้พวกท่านได้เห็นถึงเครือข่ายการลำเลียงขนส่งน้ำมันเข้าสู่ตุรกีนี้ทั้งเครือข่าย ตั้งแต่จุดที่ทำการขุดเจาะไปจนถึงจุดที่ทำการกลั่น
ในเส้นทางสายตะวันตก พวกสารไฮโดรคาร์บอนที่ผลิตได้จากบ่อน้ำมันต่างๆ ใกล้เมืองอัล-ร็อกเกาะฮ์ (Al-Raqqah) จะถูกลำเลียงไปทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียโดยยานยนต์
ภาพที่ถ่ายเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2015 ภาพนี้ แสดงให้เห็นทางช่วงหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ เมืองอาซัซ (Azaz) ของทางหลวงสายซึ่งเชื่อมระหว่างตุรกีกับซีเรีย พวกท่านสามารถมองเห็นได้ว่ามียานยนต์ที่กำลังลำเลียงผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมชุมนุมรวมศูนย์กันอยู่อย่างหนาแน่น
พื้นที่ “A” ตั้งอยู่ทางฝั่งตุรกี ปรากฏว่ามีรถบรรทุกน้ำมันและรถกึ่งๆ เทรลเลอร์ใช้บรรทุกน้ำมันจำนวน 240 คัน ส่วนในพื้นที่ “B” ซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งซีเรีย พวกท่านสามารถมองเห็นรถบรรทุกน้ำมันและรถอื่นๆ ที่ใช้ลำเลียงน้ำมันรวม 46 คันกำลังรอข้ามชายแดน
ตามข้อมูลตัวเลขที่หามาได้ มีรถบรรทุกน้ำมันจำนวนหนึ่งอำพรางตัวเป็นรถบรรทุกหนักธรรมดาๆ
ภาพที่คล้ายคลึงกันก็สามารถมองเห็นได้ที่แถวใกล้ๆ เมืองเรย์ฮันลี (Reyhanli)
ถึงแม้กำลังเกิดการสู้รบอยู่ในจังหวัดอะเลปโป (Aleppo) แต่พวกท่านสามารถเห็นยานยนต์แล่นผ่านไปมาทั้งสองฟากถนนอย่างสม่ำเสมอ เช่นเดียวกับที่มียานยนต์ปริมาณมากทางฝั่งพื้นที่ของตุรกี
คลิปวิดีโอนี้ แสดงให้เห็นยานยนต์ ซึ่งกำลังแล่นข้ามพรมแดนอย่างอิสรเสรี ตรงนี้เป็นพื้นที่ของซีเรียซึ่งถูกควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธผิดกฎหมาย จับฮัต อัล-นุสรา (Jabhat al-Nusra) ปรากฏว่าพวกเขาอนุญาตให้รถบรรทุกน้ำมันและยานยนต์ขนาดหนักที่ลำเลียงน้ำมันเหล่านี้ ข้ามเข้าสู่ดินแดนของตุรกี ยานยนต์เหล่านี้ก็ไม่ถูกตรวจสอบที่ชายฝั่งทางฝั่งตุรกีเช่นกัน มียานยนต์ทำนองนี้เป็นร้อยๆ คันทีเดียว
ยานยนต์ขนาดหนักกำลังข้ามชายแดนซีเรีย-ตุรกีโดยไม่ถูกขัดขวางอะไร ที่บริเวณใกล้ๆ เมืองเรย์ฮันลี
ภาพที่ถ่ายเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน แสดงให้เห็นรถบรรทุกน้ำมันและยานยนต์ขนาดหนักลำเลียงน้ำมัน จำนวนรวมกันอาจจะถึง 360 คัน ตรงบริเวณติดกับชายแดนซีเรีย
รถบรรทุกน้ำมันอาจจะมากถึง 160 คัน ที่เพิ่งข้ามชายแดนมา กำลังอยู่กันแถวพื้นที่ “B” ส่วนแถวๆ ด่านตรวจซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ “A” มีขบวนยานยนต์ราว 100 คันกำลังมุ่งหน้าสู่ชายแดนซีเรีย
ข้อมูลจากการตรวจการณ์ทางอวกาศ ยืนยันว่าภายหลังข้ามพรมแดนแล้ว รถบรรทุกน้ำมันและรถกึ่งๆ เทรเลอร์จำนวนมาก กำลังมุ่งหน้าไปที่เมืองท่า เดิร์ทโยล (Dortyol) และเมืองท่า อิสเคนเดรุน (Iskenderun) ซึ่งมีการจัดเตรียมสถานที่พิเศษสำหรับการขนถ่ายของเรือบรรทุกน้ำมันโดยเฉพาะ จากที่นั่น น้ำมันส่วนหนึ่งถูกลำเลียงลงเรือ และถูกส่งไปยังโรงงานดำเนินการเกี่ยวกับน้ำมันที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ตุรกีห่างออกไปจากชายแดน ส่วนที่เหลือถูกขายในตลาดภายในประเทศของตุรกี โดยเฉลี่ยแล้ว ในท่าเรือเหล่านี้จะมีการลำเลียงน้ำมันลงเรือบรรทุกน้ำมัน 1 ลำทุกๆ วัน
ภาพที่ถ่ายจากอวกาศเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2015 แสดงให้เห็นบริเวณท่าเรือเหล่านี้ ซึ่งจะมองเห็นยานยนต์ที่มีแทงก์บรรจุน้ำมันรวมตัวกันอยู่เป็นจำนวนมาก โดยกำลังรอการขนถ่าย
มียานยนต์ที่มีแทงก์บรรจุน้ำมัน 395 คันถูกตรวจพบในเมืองเดิร์ทโยล (Dortyol) และ 60 คันที่เมืองสคานเดรูน (Scanderoon เป็นอีกชื่อหนึ่งของเมือง อิสเคนเดรูน -ผู้แปล)
เส้นทางไปสู่ตุรกีสายถัดไป เป็นเส้นทางจากพวกบ่อน้ำมันซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำยูเฟรติส (Euphrates) อาณาบริเวณที่อยู่ใกล้ๆ เมืองเดร์ เอซ-ซอร์ (Deir ez-Zor) คือศูนย์กลางการขุดเจาะน้ำมันและการกลั่นน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันอยู่ในการควบคุมของกลุ่มไอซิส
สิ่งปลูกสร้างทางด้านการกลั่นน้ำมันจำนวนมากทีเดียวตั้งอยู่ที่นี่ หนึ่งในนั้นคือที่มองเห็นในภาพนี้
ในอาณาบริเวณนี้ ถูกบันทึกเอาไว้อยู่เรื่อยๆ เสมอมาว่ามียานยนต์ติดตั้งแทงก์บรรจุน้ำมันมารวมตัวกันเพื่อรอคอยการขนถ่าย ในภาพเหล่านี้แสดงให้เห็นแถวยานยนต์ ซึ่งแต่ละคันแทบไม่ทิ้งระยะห่างจากคันอื่นๆ
ในอาณาบริเวณ เดร์ เอซ-ซอร์ ช่องทางหาข่าวกรองจากอวกาศได้ตรวจพบยานยนต์ลำเลียงน้ำมัน 1,722 คันเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2015 ยานยนต์เหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่จอดที่มิได้มีการติดตั้งเครื่องมืออุปกรณ์อะไร
สมควรที่จะอ้างอิงเอาไว้ด้วยว่า จำนวนรถบรรทุกในพื้นที่จอดคอยหลายๆ พื้นที่ ทั้งที่ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณ เดร์ เอซ-ซอร์ และอาณาบริเวณอื่นๆ ในซีเรียนั้น ได้ลดน้อยลงไปมากทีเดียว นับตั้งแต่ที่กองทัพอากาศและอวกาศรัสเซียเริ่มต้นการปฏิบัติการกำจัดทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันของกลุ่มไอซิส
คงไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงผลพวงต่อเนื่องทางด้านนิเวศวิทยาจากการผลิตน้ำมันแบบป่าเถื่อนเช่นนี้
พวกผู้ก่อการร้ายใช้วิธีขุดสระเพื่อเก็บน้ำมันกันบนพื้นทราย หนึ่งในสระดังกล่าวตั้งอยู่ในร็อกเกาะฮ์
หลังจากขนถ่ายน้ำมันขึ้นรถแล้ว แถวของรถบรรทุกกำลังเคลื่อนจากอาณาบริเวณด้านตะวันออกของซีเรีย มุ่งไปยังเมืองคามิสลี (Kamisli) ซึ่งเป็นเมืองชายแดนของซีเรีย และรอคิวของพวกเขา
ภาพต่างๆ ที่นำเสนอตรงนี้ ถ่ายไว้ในเดือนสิงหาคมปีนี้ แสดงให้เห็นรถบรรทุกน้ำมันและยานยนต์ขนาดหนักจำนวนหลายร้อยคัน กำลังเคลื่อนตัวในทั้งสองฟาก ทั้งที่ไปยังชายแดนตุรกี และที่ออกมาจากชายแดนตุรกี
ในที่สุด น้ำมันที่ถูกลำเลียงจากภาคตะวันออกของซีเรีย ส่วนใหญ่แล้วจะไปยังโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ในเมืองบัตมาน (Batman) ประเทศตุรกี ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากพรมแดนซีเรียประมาณ 100 กิโลเมตร
เส้นทางขนส่งน้ำมันไปยังตุรกีสายที่ 3 เป็นเส้นทางจากพวกบ่อน้ำมันซึ่งตั้งอยู่ในภาคเหนือ-ตะวันออกของซีเรีย และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอิรัก ผ่านเมืองคาราโชก (Karachok) และเมือง ชาม คานิก (Cham Khanik) ของซีเรีย หรือไม่ก็เมืองซาโค (Zakho) และเมืองทัตวาน (Tatvan) ของอิรัก
ภาพถ่ายเหล่านี้แสดงให้เห็นพื้นที่ซึ่งมีรถบรรทุกและยานยนต์ขนาดหนักไปรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก ในบริเวณใกล้ๆ กับเมืองเหล่านี้
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พบรถบรรทุกน้ำมัน 50 คันที่ใกล้ๆ เมืองคาราโชก ในพื้นที่ซึ่งเป็นจุดขนถ่ายน้ำมัน
ภาพถ่ายแสดงให้เห็นพื้นที่จอดรอหลายๆ แห่ง ของพวกรถบรรทุกน้ำมัน ในบริเวณแนวชายแดนซีเรีย-อิรัก ใกล้ๆ เมืองชาม คานิก
ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
การตรวจการณ์ยังคงสามารถบันทึกความเคลื่อนไหวของยานยนต์บรรทุกน้ำมันเป็นจำนวนมาก ที่กำลังข้ามพรมแดนระหว่างตุรกีกับอิรัก จำนวนยานยนต์บรรทุกน้ำมันที่พรมแดนอิรัก-ตุรกีที่ตรวจพบมีแต่เพิ่มมากขึ้น จำนวนไม่ได้ลดน้อยลงเลยในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา
ดังนั้น ภาพที่ถ่ายไว้เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน จึงยังคงตรวจพบว่ามีรถบรรทุกน้ำมันและยานยนต์ขนาดหนักรวม 1,104 คัน ในพื้นที่ใกล้ๆ เมืองซาโค และเมืองทัตวาน
รถบรรทุกและยานยนต์จำนวนมากมายเช่นนี้ ไม่มีทางที่จะรอดหูรอดตาไปได้
อย่างไรก็ตาม ทางชาติสมาชิกของกลุ่มพันธมิตร (ที่นำโดยสหรัฐฯ) ไม่เคยโจมตีแถวรถบรรทุกเหล่านี้เลย เท่าที่มองเห็นกันก็มีแต่การที่จำนวน UAV (Unmanned Aerial Vehicle อากาศยานไร้นักบิน หรือ “โดรน”) ทางยุทธศาสตร์เพิ่มจำนวนขึ้นมามากเท่านั้น
เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า กลุ่มพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯไม่ได้เปิดการโจมตีใดๆ เลย ดังนั้นภายหลังการแถลงข่าวนี้แล้ว เว็บไซต์ของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย จะตีพิมพ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ใกล้ๆ เขตที่มีประชากรพำนักอาศัยหลายๆ พื้นที่ ซึ่งปรากฏว่ามีรถบรรทุกน้ำมันจำนวนมากไปรวมศูนย์ชุมนุมกัน
หลังจากมาถึงชายแดนประชิดตุรกี รถบรรทุกเหล่านี้กำลังข้ามเส้นพรมแดนตรงใกล้ๆ เมืองซาโค โดยที่ไม่ถูกขัดขวางใดๆ น้ำมันถูกลำเลียงจากซาโคไปยังโรงกลั่นแห่งต่างๆ แห่งที่ใกล้ที่สุดนั้นอยู่ที่เมืองบัตมาน น้ำมันยังอาจลำเลียงไปยังศูนย์โลจิสติกส์แห่งใหญ่ของเส้นทางสายนี้ ซึ่งตั้งประชิดกับชายแดนระหว่างอิรักกับตุรกี ใกล้ๆ เมืองซิโลปี (Silopi)
ภาพถ่ายจากอวกาศเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน แสดงให้เห็นว่ามีรถบรรทุกน้ำมันและยานยนต์ลำเลียงน้ำมัน 3,220 คัน คงไม่ต้องให้ความเห็นอะไรมากไปกว่านี้แล้ว ขนาดอันใหญ่โตของธุรกิจนอกกฎหมายนี้ช่างน่าประทับใจจริงๆ
รวมทั้งหมดแล้ว ในธุรกิจน้ำมันเถื่อนของพวกเขา พวกผู้ก่อการร้ายกำลังใช้รถบรรทุกไม่ต่ำกว่า 8,500 คัน ลำเลียงน้ำมันปริมาณที่อาจจะสูงถึง 200,000 บาร์เรลทุกๆ วัน ยานยนต์เหล่านี้ส่วนใหญ่เข้าสู่ดินแดนตุรกีโดยผ่านทางอิรัก
กลุ่มการบินของรัสเซียจะยังคงปฏิบัติภารกิจการทำลายสถานที่ทางด้านโครงสร้างพื้นฐานเรื่องน้ำมันขององค์การก่อการร้ายไอซิสในสาธารณรัฐอาหรับซีเรียต่อไป และกระทรวงกลาโหมรัสเซียก็จะยังคงเร่งร้องสนับสนุนให้บรรดาสมาชิกของพันธมิตร (ที่นำโดยสหรัฐฯ) ปฏิบัติการอย่างเดียวกันบ้าง