เอเอฟพี /เอเจนซีส์ / MGR Online - อดีตประธานาธิบดีคิม ยัง-ซัม แห่งเกาหลีใต้ ถึงแก่อสัญกรรมแล้วในวัย 87 ปีในวันอาทิตย์ (22 พ.ย.) จากอาการติดเชื้อในกระแสเลือดขั้นรุนแรง หลังจากเข้ารับการรักษาตัวด้วยอาการไข้ขึ้นสูงที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งชาติในกรุงโซลเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้
โอห์ บยอง-ฮี ประธานโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งชาติในกรุงโซลออกมาแถลงต่อผู้สื่อข่าวโดยยืนยันการเสียชีวิตของอดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ผู้นี้ที่เคยครองอำนาจระหว่างปี ค.ศ. 1993-1998
ด้านประธานาธิบดีหญิง พัค กึน-ฮเย ผู้นำเกาหลีใต้คนปัจจุบันได้กล่าวถ้อยแถลงแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งผ่านทางโฆษกทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ พร้อมประกาศจะจัดพิธีศพของอดีตประธานาธิบดีคิม ยังซัมเป็น “รัฐพิธี” ในวันพฤหัสบดี (26 พ.ย.) นี้ ภายหลังการประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศเป็นเวลา 4 วัน
ในช่วงที่คิม ยังซัมดำรงตำแหน่งผู้นำเกาหลีใต้ เขาต้องเผชิญกับสองเหตุการณ์สำคัญ ที่ท้าทายความอยู่รอดของประเทศ นั่นคือวิกฤตนิวเคลียร์หนแรกกับเกาหลีเหนือเมื่อปี 1994 และวิกฤตการเงินเอเชียในช่วงระหว่างปี 1997-1998 ซึ่งส่งผลให้ในที่สุด คิมต้องตัดสินใจขอรับความช่วยเหลือมูลค่า 58,000 ล้านดอลลาร์จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และตามมาด้วยการที่เกาหลีใต้ต้องดำเนินมาตรการรัดเข็มขัดอันแสนเจ็บปวด
ก่อนหน้าที่คิม ยังซัมจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น เขาเคยเป็นแกนนำกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยมาก่อนในช่วงที่เกาหลีใต้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของอำนาจเผด็จการทหารนานกว่า 30 ปี และตัวเขาเองเคยถูกรัฐบาลทหารสั่งกักบริเวณภายในบ้านพักเป็นเวลานานถึง 2 ปีเมื่อช่วงต้นทศวรรษ 1980
คิม ยังซัมประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้เมื่อปี 1992 ซึ่งเป็นการลงชิงชัยเป็นครั้งที่ 2 ของตัวเขา และสามารถเอาชนะคู่แข่งสำคัญอย่างคิม แด-จอง มาได้ ส่งผลให้เขากลายเป็นพลเรือนคนที่ 3 นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1962 เป็นต้นมาที่ได้ครองอำนาจในฐานะผู้นำสูงสุดของเกาหลีใต้ และได้รับการยกย่องเป็นวงกว้างจากนโยบายเดินหน้าปราบปรามการทุจริตของเขา